(มีการเฉลยตอนจบด้วยนะ บอกไว้ก่อน)
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่หนังสยองขวัญจากแดนปลาดิบกำลังบูมในบ้านเรา นำมาโดย The Ring แต่กว่าที่จะได้ดูกันอย่างเปิดเผยก็ปาเข้าไปช่วงปี ๒๐๐๐ ทั้งที่ผีซาดาโกะเขาออกฉายมาตั้งแต่ปี ๑๙๙๘ นั่นแล้ว สำหรับคอหนังบ้านเราที่ขวนขวายหาดูหน่อยก็พอจะมีแหล่งที่หาเช่า+ซื้อดูกันได้ (แต่ก็นับว่าไม่ถูกกฎหมายนักอ่ะนะ) สรุปว่ากว่าที่บ้านเราจะฮือฮากับความสยองของซาดาโกะนั่นก็ช้ากว่าชาวบ้านเขาไปเกือบ ๓ ปี
เช่นเดียวกับผีซาดาโกะ ผีมือถือใน One Missed Call หรือชื่อไทยที่แสนจะตรงประเด็นว่า สายไม่รับดับสยอง (คล้องจองและชวนให้เห็นภาพดีแท้) เรื่องนี้ข้าพเจ้าก็มีโอกาสได้ชมล่วงหน้าก่อนชาวบ้านเกือบสองปีเลยทีเดียว (อานิสงส์จากร้านเฟม ท่าพระจันทร์ ตอนโน้นยังเป็นวิดีโอเทปอยู่เลย ภาพเลยแตกๆ ไม่คมเปรี๊ยะเหมือนฉบับ DVD) นับว่าสยองเอาการทีเดียว จนกระทั่งเข้ามาฉายในโรงบ้านเราแบบเงียบๆ ไม่ถึงกับเปรี้ยงปร้างนัก แต่สำหรับคอหนังสยองขวัญแดนปลาดิบต้องไม่พลาดชม
มุขผีๆ ที่ใช้ใน One Missed Call ออกจะคล้ายๆ The Ring คือผีซาดาโกะใช้วิธีฆาตกรรมต่อเนื่องผ่านทางวิดีโอเทปที่ดูต่อกันเป็นทอดๆ ในขณะที่ผีมือถือใช้วิธีการส่งต่อผ่านทางเบอร์โทรศัพท์ในซิมมือถือของเหยื่อ เริ่มต้นเรื่องที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง กลุ่มเด็กวัยรุ่นนักศึกษากำลังสังสรรค์กันอย่างสนุกสนานและนัดแนะกันไปเที่ยว ต่างคนต่างแลกเบอร์โทรกัน (น่าสงสัยว่าเป็นเพื่อนกันประสาอะไรตั้งนาน ถึงเพิ่งจะมาแลกเบอร์กันอีตอนนี้) ตัวเอกของเรื่องเป็นสาวน่ารักชื่อ ยูมิจัง ปลีกตัวมาทำธุระในห้องน้ำกับโยโกะเพื่อนสนิท ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของโยโกะก็ดังขึ้น ปรากฎข้อความสายที่ไม่ได้รับ เมื่อกดฟังก็เป็นเสียงสนทนาของเธอเองตามมาด้วยเสียงกรีดร้อง และยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่เมื่อหน้าจอขึ้นว่าโทรมาจากเครื่องของเธอเองในอีก ๓ วันล่วงหน้า !
ความพิศวงที่ว่านี้ถูกเฉลยโดยในคืนวันถัดมา ขณะที่ยูมิกำลังเม้าท์กับโยโกะ ช่วงหนึ่งของบทสนทนาเหมือนกับที่พวกเธอได้ยินเมื่อคืนวาน ทันใดนั้นเองหญิงสาวก็มีสีหน้าตกใจสุดขีด ร่างของเธอลอยละลิ่วตกมาจากสะพานและถูกรถไฟขยี้ร่างเป็นชิ้นๆ ความสยองยังไม่จบแค่นั้น กล้องจับไปที่มือของโยโกะกำลังกำโทรศัพท์ก่อนที่จะค่อยๆ ถอยออกมาเห็นเป็นเพียงท่อนแขนที่ขาดสะบั้นกำลังกดโทรศัพท์ … เธอกำลังโทรหาใครกันแน่!
จากนั้นไม่นาน เคนจิ เพื่อนในกลุ่มของยูมิอีกคนหนึ่งก็ได้รับข้อความเสียงในแบบเดียวกัน โดยมันถูกส่งมาจากเครื่องของเขาเองในอีก ๓ วันข้างหน้า แน่นอนว่าเคนจิเห็นว่ามันเป็นเรื่องตลก แต่ยูมิกลับไม่คิดอย่างนั้น และแล้วสิ่งที่ยูมิกลัวก็เกิดขึ้นจนได้ คราวนี้เธอได้เห็นเคนจิต้องตายอย่างสยดสยองต่อหน้าต่อตาของเธอเอง นี่มันเกิดอะไรขึ้น
เพื่อนๆ ในกลุ่มต่างโจษจันและหวาดกลัวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ต่างคนต่างลบเบอร์โทรศัพท์ในเครื่องของตนทิ้งเพื่อไม่ให้เครื่องของตนเชื่อมโยงกับเครื่องของคนอื่นได้อีก แต่เหตุการณ์เดิมก็เกิดขึ้นอีกครั้งกับ นัทสึมิ เพื่อนรักอีกคนของยูมิ เรื่องราวกลับใหญ่โตโครมครามเมื่อสถานีโทรทัศน์เห็นช่องทางเพิ่มเรตติ้งจัดการถ่ายทอดสดเพื่อพิสูจน์ข่าวลือเกี่ยวกับโทรศัพท์อาถรรพ์ แน่นอนว่าชะตากรรมของนัทสึมิก็ไม่ต่างอะไรไปจากสองคนแรก แต่คราวนี้การตายของเธอถูกถ่ายทอดออกอากาศไปทั่วประเทศ และถัดจากนั้น … โทรศัพท์ของยูมิก็ดังขึ้น!
แกนหลักๆ ของหนังเห็นจะมีอยู่ตรงที่การพยายามสืบหาความจริงของเสียงโทรศัพท์ลึกลับที่ว่านี้ ความเข้มข้นเริ่มขึ้นในตอนที่ยูมิเริ่มพบเบาะแสบางอย่างที่เชื่อมโยงเกี่ยวกับโทรศัพท์ลึกลับว่ามันมาจากไหน และทำไมต้องเป็นเธอ
ตามสไตล์หนังญี่ปุ่นที่มักจะไม่บอกเรื่องราวแบบตรงไปตรงมา แต่จะลำดับภาพและเหตุการณ์ให้ผู้ชมให้จินตนาการในการปะติดปะต่อเรื่องราวเอง หนังค่อยๆ เฉลยปมที่ว่าทีละนิดๆ ถึงปูมหลังที่น่าเศร้าของยูมิ เธอถูกทารุณกรรมจากผู้เป็นแม่ตั้งแต่เด็ก หนังไม่ได้อธิบายถึงสาเหตุแต่เราก็พอจะอนุมานอย่างง่ายๆ ได้ว่าเป็นเพราะอาการป่วยทางจิต หรืออาจะเป็นไปได้ว่าแม่ของยูมิทำเพื่อเป็นการประชดต่อความไม่ไยดีจากสามีหรือพ่อของยูมิ เพราะเธอสารภาพมาเองว่าพ่อไม่ค่อยอยู่บ้าน ตรงนี้เองที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ของยูมิกับครอบครัวไม่สู้ดีนัก
ในที่สุดยูมิก็สืบจนพบว่าต้นตอของเสียงโทรศัพท์นั้นเป็นของคุณแม่ลูกสองคนหนึ่งที่หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย เธอได้รับการคาดเดาจากแพทย์ว่าอาจเป็น Munchausen by proxy เท่าที่ในเนื้อหนังได้อธิบายไว้ พร้อมกับการหาข้อมูลเพิ่มเติม จับความได้ว่าเป็นอาการป่วยทางจิตชนิดหนึ่ง ที่ต้องการเรียกร้องความสนใจจากผู้อื่นโดยการทำให้คนใกล้ชิดป่วยโดยเฉพาะลูกของตัวเอง (อย่างในหนัง) เพื่อจะนำตัวมาหาหมอแล้วก็จะทุ่มเทดูแลจนทำให้สังคมเกิดความสงสารและยกย่องตัวเองว่าเป็นผู้เสียสละ คุณหมอใน One Missed Call วินิจฉัยว่าแม่ของเด็กหญิงน่าจะป่วยเป็นโรคนี้ เนื่องจากเธอพาลูกสาวคนเล็กมาพบหมอเป็นประจำด้วยอาการที่รุนแรงแตกต่างกันไป เช่น มีร่องรอยถูกทำร้าย เป็นต้น แต่ความจริงแล้วกลับตรงกันข้าม คนที่ทำให้เด็กหญิงบาดเจ็บกลับเป็นพี่สาวของเธอเองต่างหาก
ลูกสาวคนโตมีอาการหอบ ท่านที่เป็นคงจะพอเข้าใจว่ามันทรมานแค่ไหน ผู้ป่วยต้องมียาพ่นติดตัวเสมอเพื่อช่วยบรรเทาอาการ ซึ่งเสียงพ่นยานี่เองที่ทำให้ยูมิจับสังเกตได้ถึงที่มาของเรื่องราว ตัวพี่สาวนั่นเองที่น่าจะมีอาการของ Munchausen by proxy คือเธอจะทำร้ายน้องสาวอาจจะด้วยเหตุผลสองประการ คือทำร้ายน้องเพราะแม่รักน้องมากกว่าในความรู้สึกของเธอ ทั้งที่เธอป่วยแต่แม่ก็ยังสนใจน้องมากกว่า หรือไม่ก็ทำให้น้องบาดเจ็บเพื่อที่ตัวเองจะได้แสดงบทบาทในฐานะพี่ที่ดี หลังจากทำร้ายน้องเธอจะให้ลูกอมเป็นค่าปิดปากไม่ให้น้องไปฟ้องแม่ (ซึ่งน้องก็เข้าใจว่าพี่สาวรักตัวเอง เพราะพี่สาวให้ลูกอมอร่อยๆ เสมอๆ) และเมื่อเธอสวมบทพี่ที่แสนดี แม่ก็จะกลับมาให้ความสนใจเธออีกครั้ง
น่าเศร้าที่เรื่องไปเป็นไปตามที่เธอหวัง วันหนึ่งแม่กลับมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี เมื่อเข้าใจเรื่องทุกอย่างก็รีบพาลูกคนเล็กไปโรงพยาบาลพร้อมกับดุด่าเธอ ทันใดนั้นอาการหอบของเธอกำเริบ เธอร้องเรียกให้แม่ช่วย แต่แม่กลับเมินเฉยมองเธอด้วยสายตาเย็นชา และตัดใจทำเป็นไม่สนใจ ตรงนี้เองที่อาจเข้าใจได้ว่าแม่คิดว่าเธอแสร้งทำเพื่อเรียกร้องความสนใจ หรืออีกมุมหนึ่งอาจเป็นได้ว่าแม่ไม่สนใจเธอจริงๆ จะด้วยความโกรธ หรือเป็นการสั่งสอนเธอก็แล้วแต่ ในที่สุดเธอก็เสียชีวิต พร้อมกับความแค้นที่แม่เธอปล่อยให้เธอตายโดยไม่ไยดี
หนังไม่ได้บอกชัดๆ ว่าคนแม่ตายเพราะผีลูกสาวหรือไม่ อย่างไร (แต่หนังก็ทำให้คิดไปเช่นนั้น) และความแค้นของเด็กสาวก็แพร่กระจายต่อเป็นทอดๆ โดนใช้สัญญาณโทรศัพท์จากมือถือของแม่ โดยส่งต่อจากเบอร์โทรหนึ่งไปอีกเบอร์โทรหนึ่ง (คงคล้ายๆ ทฤษฎี ๖ สัมพันธ์ ลองอ่านได้ใน Six Degree Seperation) ท้ายสุดบทสรุปของยูมิก็ไม่ต่างจากผีเด็กสาว เป็นไปได้ว่าเธอก็อยากจะเรียกร้องความสนใจจากแม่ (แต่เธอถูกแม่ทำร้ายในวัยเด็ก) หรือไม่ก็อาจเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ (เพราะเธอเห็นย่าตาย เข้าใจได้ว่าเป็นฝีมือของแม่ของเธอ ซึ่งก็อาจมีอาการ Munchausen by proxy เช่นกัน) หนังนำเสนอง่ายๆ ว่ายูมิถูกผีเด็กเข้าสิง โดยให้เงาสะท้อนตัวเธอในกระจกเป็นภาพเด็กสาว แถมท้ายเรื่องยังทิ้งปริศนาไว้ เมื่อยูมิจัดการแทงพระเอกของเรา แต่ฉากจบเธอกลับเป็นคนดูแล ยิ้มอย่างอ่อนโยน และให้ลูกอมปลอบใจเหมือนที่เด็กสาวทำกับน้องไม่มีผิด
หลายคนดูฉากจบแล้วงงๆ อาจตีความได้หลายอย่าง แต่ข้าพเจ้าว่าไม่ต้องตีความหมายให้ซับซ้อนมากมายหรอกครับ เอาแค่ว่าเหตุการณ์มันซ้ำรอยเดิมโดยมียูมิเป็นผู้รับช่วงต่อ ขอบอกว่ารอยยิ้มของเธอในตอนจบดูสยดสยองมากกว่าจะน่ารักนะครับ
ปล.๑ – One Missed Call สามารถหาชมได้ในบ้านเราครับ มีการทำภาคสองและสามออกมาด้วย แต่ไม่แนะนำครับ แค่ภาคแรกก็น่าครบถ้วนทุกอย่างแล้ว สองภาคที่ทำตามมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เนื้อหาออกทะเลไปไกลครับ
ปล.๒ – ฮอลลิวู้ดเอาไปทำใหม่ ใช้ชื่อเดียวกันคือ One Missed Call ถ้าเคยดูเวอร์ชั่นญี่ปุ่นก่อนก็คงเซ็งกับของฝรั่งทำ ถ้าไม่เคยมาก่อนก็พอจะดุสนุกได้ล่ะครับ
ปล.๓ – ติดตามอ่านเรื่องของ Munchausen by proxy ได้ที่
http://kidshealth.org/parent/general/sick/munchausen.html
http://en.wikipedia.org/wiki/Munchausen_syndrome_by_proxy