(บทความชุดนี้มีการเพิ่มเติมความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนในบางประเด็น จึงโปรดพิจารณาก่อนหากท่านใดจะนำไปอ้างอิง)
กว่าที่คริสตศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองจนแผ่อิทธิพลความเชื่อไปทั่วได้ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ศาสนาอิสลามก็เช่นกัน อย่างที่เคยกล่าวไว้เมื่อตอนต้นแล้วว่าทั้งสองศาสนาล้วนมาจากรากเหง้าเดียวกัน มีความเชื่อในพระเจ้าเช่นเดียวกัน อิสลามนั้นเชื่อว่านุษย์สืบเชื้อสายมาจาก อดัม สืบเนื่องมาจนถึงอับราฮัม พวกเขาศาสดาคือ พระมูฮัมหมัด ซึ่งเชื่อว่าเป็นศาสดาองค์สุดท้ายที่ที่พระเจ้าประทานให้มวลมนุษย์
เดิมทีพระมูฮัมหมัดเป็นเพียงพ่อค้าธรรมดา แต่ท่านได้รับพระบัญชาจากพระเจ้าในการเผยแผ่ศาสนาใหม่นี้ แน่นอนย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็มิใช่ว่าจะไม่มีผู้เคารพนับถือ เรื่องยากนั้นเป็นเพราะพื้นเพเดิมของผู้คนในดินแดนอาหรับนับถือศาสนายูดาย หรือบางส่วนที่เริ่มหันมานับถือศาสนาคริสต์แล้ว ทำให้การเผยแผ่ศาสนาของพระมูฮัมหมัดได้รับการต่อต้านอย่างรุนแรง
ที่ว่าสร้างความไม่พอใจนั้นเป็นไปได้ว่าส่วนหนึ่งมิได้มีเหตุผลเฉพาะเรื่องของศาสนา หากแต่มีเรื่องของผลประโยชน์และอำนาจแฝงอยู่ด้วย ความเชื่อแบบสุดโต่งของผู้คนในยุคโบราณถูกใช้ในการแสวงหาผลประโยชน์ทั้งเพื่อส่วนตัวและเพื่อแผ่อำนาจและอิทธิพลของกลุ่มบุคคล ผู้คนเริ่มหันมาศรัทธาในพระมูฮัมหมัดมากเท่าใด กลุ่มผลประโยชน์เดิมก็ย่อมจะสูญเสียมากขึ้นเท่านั้น
นครเมกกะแต่เดิมเป็นเสมือนเมืองท่าเป็นเมืองศูนย์กลางที่มีผู้คนมากมายเดินทางมาเพื่อค้าขาย และเพื่อสักการะหินกาบาห์ (Ka’abah) ที่เชื่อกันว่าได้รับมาจากพระเจ้า การที่ผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกัน ย่อมเสี่ยงที่เกิดการพลิกผันทางความเชื่อ ยิ่งศาสนาอิสลามมุ่งเน้นให้เชื่อในพระเจ้าด้วยแล้ว จึงมีโอกาสสูงที่จำนวนคนที่จะหันมาศรัทธาในศาสนาอิสลามจะเพิ่มทวีขึ้นเรื่อยๆ
พระมูฮัมหมัด ลี้ภัยไปยังเมืองเมดินา
เป็นจริงดังคาด จำนวนอิสลามิกชนเพิ่มขึ้นมากมายในเวลาไม่นาน แต่พระมูฮัมหมัดก็หนีไม่พ้นการถูกรังควานจากผู้ไม่เห็นด้วย ปี ค.ศ. ๖๒๒ พระองค์ลี้ภัยไปอยู่ที่เมืองเมดินาอยู่หลายปีพร้อมด้วยสานุศิษย์จำนวนหนึ่ง แต่สุดท้ายด้วยพลังความศรัทธาของอิสลามิกชน พวกเขาก็สามารถยึดนครเมกกะกลับมาได้อีกครั้ง และสถาปนานครเมกกะให้เป็นศูนย์กลางของศาสนาอิสลามนับแต่นั้นเป็นต้นมา
จากการรวมตัวกันจัดตั้งกองกำลังเพื่อชิงนครเมกกะคืนในครั้งนี้เอง ทำให้เกิดกองทัพอิสลามขึ้น กลายเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดด้วยความเชื่ออย่างแน่วแน่ในพระเจ้า คือ พระอัลเลาะห์ และความศัรทธาต่อพระศาสดามูฮัมหมัด ซึ่งกองทัพนี้จะมีอิทธิพลและมีส่วนในการขยายดินแดนและความเชื่อของศาสนาอิสลามไปทั่วพื้นที่ในเวลาต่อมา
พระศาสดามูฮัมหมัดสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. ๖๓๒ แต่คำสอนของท่านได้หยั่งรากฝังลึกลงในจิตใจของอิสลามิกชนเรียบร้อยแล้ว ท่านได้ทิ้งมรดกสำคัญไว้นั่นคือ พระคัมภีร์อัล กุรอาน ที่ยังคงตกทอดมาถึงชาวมุสลิมทุกวันนี้