หยิบหนังเก่ามาปัดฝุ่นดู “The Sum of All Fears” สร้างจากนวนิยายแนวสืบสวนชั้นเยี่ยมของ ทอม แคลนซี เป็นซีรี่ส์ที่ขายดิบขายดีจนถูกนำมาสร้างเป็นหนังกวาดเงินไปหลายร้อยล้าน ถ้าเป็นคอหนังและนิยายคงจะรู้จัก “แจ๊ค ไรอัน” ตัวละครเอกของเรื่องดี
ไรอัน เป็น CIA สมองเพชร หน้าที่ของเขาคือวิเคราะห์ข้อมูล เราจะไม่เห็นเขาวิ่งควงปืนไล่ยิงผู้ร้าย แต่เขาทำงานนั่งโต๊ะที่ใคร ๆ คิดว่าน่าเบื่อ งานน่าเบื่อนี่แหละที่เป็นตัวชี้เป็นชี้ตาย ความเห็นของเขาบางข้อจะกลายเป็นนโยบายของประเทศเมื่อประธานาธิบดีตัดสินใจ “เชื่อ”
ในภาคนี้ว่าด้วยความขัดแย้งที่เกิดจากความไม่เข้าใจกันระหว่างรัสเซียกับอเมริกา อันเกิดจากการวางแผนของพวกขวาจัดที่หมายจะเสี้ยมให้สองประเทศรบกัน เกิดระเบิดปริศนาขึ้นในบัลติมอร์ อเมริกาฟันธงว่าเป็นฝีมือรัสเซีย ฝ่ายรัสเซียก็ยืนยันว่าไม่ใช่แต่ก็ต้องเตรียมพร้อมรบ ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังตัดสินใจจะกดปุ่มปล่อยนิวเคลียร์ มีเพียง ไรอัน ที่รู้ข้อมูลที่ถูกต้อง คำถามก็คือเขาจะทำยังไงให้ผู้นำทั้งสองฟังเขา และที่สำคัญ “เชื่อ” ข้อมูลที่เขาให้
“…ผมต้องส่งข้อมูลนี้ด่วน ตอนนี้ประธานาธิบดีกำลังตัดสินใจเรื่องสำคัญจากข้อมูลที่ผิด ๆ อยู่นะครับ ถ้าคุณกันผมออกไป ครอบครัวคุณและครอบครัวผม และอีก ๒๕ ล้านครอบครัว จะตายภายใน ๓๐ นาที หน้าที่ของผมคือให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับผู้มีอำนาจตัดสินใจ ผมขอเพียงส่งข้อมูลเท่านั้น…”
ไม่เฉพาะแค่ตอนนี้เท่านั้น หนังภาคอื่น ๆ ของซีรี่ส์นี้ก็เน้นย้ำถึง “ความถูกต้องของข้อมูล” ถ้าจำไม่ผิด หนังเรื่องนี้ออกฉายขณะที่โลกกำลังจะเข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ ภาวะที่โลกให้ความสำคัญกับข้อมูลมากที่สุด หลายฉากที่ตัวละครในเรื่องรับข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจนเกือบจะเกิดหายนะ แต่ที่ชอบก็คือ ก่อนที่จะตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ตัวละครจะพยายามหาข้อมูลให้มากที่สุดเพื่อยืนยันการตัดสินใจครั้งสุดท้าย แน่นอนว่าพระเอกของเราต้องเข้ามามีบทบาทไปเสียทุกตอน
“…เราจะเชื่อคำพูดของพวกสายลับได้ยังไง”
“ก็ลองฟังดูซักหน่อย แล้วค่อยตัดสินใจ มันก็ไม่เสียหายอะไรนี่”
อดที่จะเอามาโยงกับสถานการณ์บ้านเมืองเราไม่ได้ มันน่าคิดจริง ๆ ว่า ผู้นำบ้านเมืองเราตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ จากอะไรกันแน่ ข้อมูล? หรือ ผลประโยชน์? เอาแค่รัฐมนตรีหรือผู้กำหนดนโยบายในบ้านในเมืองนั้นยังดูขัด ๆ กันชอบกล เรื่องที่ประชาชนอย่างเราได้แต่ฉงน แต่ผู้บริหารประเทศกลับทำราวกันเป็นเรื่องปกติ เราเคยเห็นหมอมาคุมเกษตร พ่อค้ามาคุมสาธารณสุข ทนายความมาคุมกลาโหม ตำรวจมาดูแลเรื่องน้ำท่วม! ฯลฯ ตอนที่น้ำท่วมเมื่อปี ๕๔ ผมจำได้ว่าเคยเห็นคุณหญิงคนหนึ่งที่ถูกแบนทางการเมืองก็ยังออกโรงมาให้ความเห็นปาว ๆ ราวกับเรียนจบมาทางบริหารจัดการน้ำ แต่พอเอาไม่อยู่ น้ำท่วมกรุงเทพทุกเขต คุณหญิงคนนั้นก็หายไป ไม่ออกข่าวอีกเลย เราเห็นคนที่ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งมาทำหน้าที่ราวกับเขาเก่งกาจและมีความรู้โดยตรง เพียงเพราะเขาเป็นนักการเมือง น่าเศร้าที่บ้านเราแบ่งสรรหน้าที่กันตามโควต้า น่าเศร้าเข้าไปอีกเมื่อท่านเหล่านั้นยังสู่รู้ ตัดสินใจโดยไม่ฟังข้อมูลที่แท้จริง แต่ยึดข้อมูลที่อิงผลประโยชน์เป็นหลัก … อนิจจา
ขณะที่ส่วนที่เล็กลงมาอย่างในองค์กร เราก็คงเคยเห็นกันมาบ้าง บางครั้งคนที่มาทำก็มีโปรไฟล์เหมาะสมดี แต่พอเอาเข้าจริงมันอาจไม่โดน แต่น่าแปลกที่เรื่องแบบนี้คนที่มองเห็นคือคนทำงานระดับล่างหรืออาจเป็นทุก ๆ คนในองค์กร แต่ผู้บริหารจะเป็นกลุ่มคนที่ได้สิทธิพิเศษคือมองไม่เห็นปัญหา อันนี้ก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะไม่ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง หรือเชื่อเอาเองว่าข้อมูลที่ได้รับนั้นมันถูกต้องกันแน่
คนเก่ง ๆ บ้านเรามีมากมาย แต่ไม่มีโอกาสได้ทำงาน ไม่มีโอกาสได้แสดงฝีมือ แต่พอบ้านเมืองหรือองค์กรฉิบหาย คนข้างบนก็มักจะออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน … น่าเศร้าจริงๆ