เดิมทีเตรียมไว้ว่าจะไป “วัดประยูร” แถวสะพานพุทธ แต่ร้อนเหลือประมาณ ขอเกาะรถไฟฟ้าไปละกัน เอาแบบไม่ต้องเหนื่อยมาก เดี๋ยวนี้ไปไกลๆ ไม่ไหวละ สังขารร่วงโรย เลยเลือกไป “วัดยานนาวา” เห็นเขาว่าลงรถไฟฟ้าก็แทบจะถึงเลย
วัดยานนาวา เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี เดินทางไปง่ายๆ ด้วย BTS ลงสถานีสะพานตากสิน เดินเลียบถนนไปไม่ถึงห้าสิบเมตรก็เข้าวัดแล้ว วัดนี้น่าจะมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาช่วงกลางๆ เดิมชื่อว่า วัดคอกควาย แล้วเปลี่ยนเป็น วัดคอกกระบือ ในสมัยรัชกาลที่ ๑ แล้วโปรดให้สร้างพระอุโบสถขึ้นซึ่งยังคงยืนตระหง่านมาจนถึงปัจจุบัน อายุอานามไม่แน่ใจแต่เขาเพิ่งสมโภชพระอารามหลวงวัดยานนาวาครบรอบ ๒๔๐ ปี ไปเมื่อปี ๒๕๕๒ สภาพพระอุโบสถโทรมจนน้ำตาแทบไหล ถ้าดูจากภาพประกอบที่ถ่ายมาจะเห็นว่าควรรีบเยียวยาโดยด่วน ลายปูนปั้นสวยๆ นั้นกระเทาะหายไปเกือบหมด เศียรพญานาคบ้างก็กุด บ้างก็กร่อนจนแทบไม่เห็นเค้าเดิม บานประตูทำเป็นลายรดน้ำ หน้าต่างพระอุโบสถเป็นลายรดน้ำเหมือนกัน เป็นภาพทศชาติ ข้างตัวพระอุโบสถยังสภาพดีอยู่ เข้าใจว่าเขาทำใหม่เอาให้พอใช้งานได้ ดูสะอาดสะอ้านและไม่มีรอยรั่ว แต่ด้านนอกนั้นทรุดโทรมแทบใจหาย
กรมศิลปากรเขาสร้างหลังคาครอบไว้ให้แก้ขัด
ค้นดูข่าวเก่าๆ ก็เห็นฮือฮากันมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๒ แต่ก็ไม่เห็นทำอะไรต่อซักที
เจอหลวงพี่รูปหนึ่งแถวนั้นเลยเข้าไปชวนสนทนา ท่านบอกว่าพระอุโบสถบูรณะครั้งล่าสุดก็ปี ๒๕๐๘ น่ะคุณโยม กี่ปีแล้วก็คิดดูเอา กรมศิลปฯ เขายกให้เป็นโบราณสถานตั้งนานแล้ว จะซ่อมจะทำอะไรก็ไม่ได้ ต้องขออนุญาต แต่กรมศิลปฯ เองก็บอกว่ายังขาดงบประมาณ สุดท้ายก็แก้ปัญหาชั่วคราวด้วยการสร้างหลังคาครอบพระอุโบสถทั้งหลังเอาไว้กันฝนกันแดดแทน
หน้าบันพระอุโบสถเป็นงานช่างสกลุรัตนโกสินทร์ เป็นภาพเทพพนม ตอนนี้มีคราบดำเต็มไปหมด แต่ยังเห็นเค้าความงามได้ เขาเอาตาข่ายมาขึงกั้นนก ค้างค้าว แต่ก็คงจะนานแล้ว เห็นขาดกระจุย นกบินกันให้ว่อน มีรังต่อรังโตเกาะอยู่ที่มุมหนึ่งด้วย แต่หลวงพี่บอกว่าเหลือแต่รังเปล่าแล้ว
สภาพหน้าบันพระอุโบสถ บางส่วนก็กร่อน มีราดำขึ้นไปทั่ว แถมมีรังต่ออีกรังเบ้อเริ่ม
จุดเด่นที่สุดของวัดยานนาวาเห็นจะเป็น พระสำเภาเจดีย์ เดิมทีนั้นไม่มีหรอก มีแต่พระเจดีย์ทรงปรางค์ รัชกาลที่ ๓ โปรดให้ปฏิสังขรณ์วัดแล้วก็โปรดให้สร้างเรือสำเภาจำลองครอบพระเจดีย์ไว้ ทรงมีพระราชดำริว่าไว้ให้คนรุ่นหลังได้เห็นว่าเรือสำเภาหน้าตาเป็นอย่างไร แล้วจึงโปรดเกล้าพระราชทานนามว่า วัดยานนาวา เดิมทีเข้าใจว่าน่าจะเป็น ญาณนาวา หมายถึง “ญาณอันเป็นพาหนะดุจดั่งสำเภาข้ามโอฆะสงสาร” มาจากมหาชาติคำหลวงเรื่อง พระเวสสันดรชาดก ตอนที่ตรัสเรียกกัณหาและชาลี ให้อุทิศตนร่วมกับพระบิดาสร้างมหากุศลอันเป็นเสมือนสำเภาใหญ่ พามนุษย์ข้ามโอฆะสงสารไปสู่พระนิพพาน แต่ต่อมาจึงสะกดเพี้ยนกันเป็น วัดยานนาวา แต่ก็ยังพอจะคงความหมายเดิมได้คือ “วัดอันมีพาหนะดุจสำเภาในการที่จะนำพาเวไนยสัตว์ให้ข้ามพ้นโอฆะสงสาร”
มาค้นดูข้อมูลจึงพบว่ากรมศิลปากร ท่านขึ้นทะเบียนอนุรักษ์ศิลปะโบราณสถานและโบราณวัตถุในพระอารามวัดยานนาวา จำนวน ๔ รายการ ตั้งแต่ปี ๒๕๒๖ โน่นแล้ว ประกอบด้วย ๑) พระสำเภาเจดีย์ ๒) ที่นั่งประทับ คุมการก่อสร้างพระสำเภาเจดีย์ของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ๓) เก๋งจีน ๔) พระอุโบสถ
ที่นั่งประทันนั้นดูเหมือนเป็นคอกเล็กๆ เสียมากกว่า ไม่น่าจะนั่งสบายแต่อย่างใด แถมยังปล่อยให้โทรมตากแดดตากลมอยู่ริมทาง น่าจะทำเรือนครอบเสียหน่อน ป้ายก็โย้เย้ดูเหมือนไม่ใช่ของสำคัญเสียอย่างนั้น ส่วนเก๋งจีนนั้นตอนที่ไปดูเขากำลังก่อสร้างกันใหม่อยู่
ที่นั่งประทับ คุมการก่อสร้างของรัชกาลที่ ๓ ดูสิครับว่าเขาวางทิ้งไว้ตามบุญตามกรรม
ชักสงสัยว่าขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุจริงรึเปล่านี่ เห็นแบบนี้แล้วไม่ชอบใจเลย
ดูเหมือนอะไรๆ จะไปกระจุกที่ตึกสำนักปฏิบัติธรรม ท่าทางน่าจะสร้างใหม่ เป็นตึกสามชั้น ด้านบนทำเป็นยอดทรงปราสาท ตอนนี้มีการจัดแสดงพระเขี้ยวแก้วให้พุทธศาสนิกชนมาบูชา เห็นเขามีพิธีอะไรดูวุ่นวาย เลยไม่เข้าไปจะดีกว่า ฝั่งตรงข้ามเป็นหอไตร สร้างเมื่อปี ๒๕๓๐ ดูเผินๆ คล้ายพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวังอยู่เหมือนกัน
ในพระสำเภาเจดีย์นั้น ด้านท้ายมีห้องพระเล็กๆ ห้องหนึ่ง ขณะที่ดูเพลินๆ ก็มีคุณตาท่านหนึ่งเข้ามาชวนคุยว่ามาจากไหน มาดูอะไร แล้วก็ชี้ชวนให้ดูโน่นดูนี่แถมอธิบายเสร็จสรรพ แกชื่อคุณตาประสิทธิ์ ไม่กล้าถามอายุ แต่แกเล่าว่าเคบวชเรียนที่นี่ตอนหนุ่มๆ สมัยสงครามโลกโน่น ก็เลยประมาณอายุแกได้ล่ะว่าเท่าไหร่ คุณตาบอกว่าจะมาช่วยที่วัดทุกวันอาทิตย์ ไม่ได้เอาอะไรจากวัดหรอก มาช่วยดูแลคนเขามาไหว้พระ แล้วก็คอยดูพวกเด็กเลวที่ชอบมาโขมยเงินทำบุญด้วย แกมีความรู้ใช่หยอกนะครับ ชี้ให้ดูพระพุทธรูปสมัยรัชกาลที่ ๒ ให้ดูพุทธลักษณะ ให้สังเกตพระเกตุมาลา หลายคนไม่รู้จักนะครับพระเกตุมาลาเนี่ย เล่าอะไรให้ฟังเยอะแยะเพลินเชียว
แล้วก็พามาดูพระไตรปิฎกจำลอง เป็นรูปหล่อครับ แกเล่าว่าไว้เสี่ยงทาย อยากเสี่ยงทายอะไรก็บูชาเงิน ๑๒ บาท เกินได้แต่ห้ามขาด อธิษฐานเสร็จให้ยก ถ้ายกขึ้นก็แสดงว่าจะสมหวัง ถ้ายกไม่ขึ้นก็แสดงว่าไม่สมหวัง สมเด็จพระบรมฯ ก็เคยมาอธิษฐาน ว่าจะได้พระโอรสหรือไม่ ปรากฏว่าทรงยกขึ้น แล้วก็ได้พระองค์เจ้าทีปังกรฯ นี่ไงล่ะครับ คุณตายังเล่นมุกว่า ภราดร ยังมายกเลย ภราดร ศรีชาพันธุ์ นั่นล่ะครับ มาเสี่ยงทายเรื่องภรรเมียฝรั่ง (นาตาลี เกลโบวา) ว่าจะไปกันรอดไหม ปรากฏว่าภราดรยกไม่ขึ้น แต่ก็ยังแต่งงานกัน สุดท้ายก็ไปไม่รอด เห็นไหมล่ะคุณ
คุณตาประสิทธิ์ แกว่าจะมาช่วยที่วัดทุกวันอาทิตย์ ใครไปก็แวะทักทายแกได้ครับ
ปรากฏว่ามาวัดยานนาวาครั้งนี้ได้คุยกับคุณตาประสิทธิ์ยาวเลย มาสังเกตว่าทำไมไม่ยักกะมีคนขึ้นมาไหว้พระเลย ทั้งที่ก่อนที่จะขึ้นมานี่คนเพียบ เลยชักตะหงิดๆ แล้วว่าเราคุยกับใครอยู่หว่า คุณตาเป็นคนจริงๆ ใช่ไหม ไม่ใช่ว่าจะมาหักมุมตอนจบว่าไม่มีคุณตาประสิทธิ์นะครับท่าน จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครขึ้นมาไหว้พระอีกอยู่ดี จนกระทั่งลาแกกลับ
ขาลงมาเดินสวนกับคนที่เขามาไหว้พระ เดินตามเสียงคุณตาที่กำลังเรียกขึ้นไป ก็เลยใจชื้นว่าเออ มีคนเห็นแกเหมือนเราจริงๆ ด้วยวุ้ย
หยิบยืมมาจากเว็บ นสพ.คมชัดลึก เป็นภาพพระสำเภาเจดีย์ ไม่ทราบเวลาแน่ชัด
พระสำเภาเจดีย์ในปัจจุบัน ดูสวยงามและยิ่งใหญ่ ว่ากันว่าจำลองมาจากขนาดเรือจริง
ด้านหนัาเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ ๓ ที่เห็นระฆังองค์โตนั่นเป็นของมาจากเกาหลี
ศิลปินแห่งชาติเกาหลีเขาหล่อถวายในหลวงของเรา เมื่อปี ๒๕๕๐
จวนเจียนจะร่วงหมดทั้งหลัง เสียดายลายปูนปั้นมาก
หอไตร ดูเหมือนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทไหม ตึกสีส้มด้านหลังเป็นตึกสูง ๘ ชั้น
สร้างสำหรับโรงเรียน เพราะเขาจะย้ายโรงเรียนประถมด้านหลังวัดมาอยู่ที่ตึกนี้แทน
รูปสลักหินอ่อนเจ้าแม่กวนอิม อย่าแปลกใจว่าทำไมวัดนี้มีอะไรที่เป็นจีนเยอะ
รัชกาลที่ ๓ ท่านโปรดการค้าขาย และติดต่อกับชาวจีน จึงรับเอาศิลปและวัฒนธรรมจีนมาเยอะ
มหานครที่แสนจอแจ ที่ดินมีค่ากว่าทองคำ การจัดโซนหรือทำผังเมืองจึงเป็นเรื่องยาก
ดังนั้นอย่าแปลกใจถ้าจะมีตึกระฟ้าอยู่ใกล้ๆ วัด
แท่นนี้ล่ะครับที่คุณตาประสิทธิ์บอกว่าอยากอธิษฐานอะไรก็มายก ถ้ายกขึ้นก็สมหวัง
บังเอิญยังนึกไม่ออกว่าจะอธิษฐานอะไร เลยขอผ่านไปก่อน