หวนออกไปกินนอกบ้านอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้ไปจริงๆ แต่เดินทางย้อนอดีตกับความทรงจำสมัยยังละอ่อน ตอนที่ยังเป็น ‘เด็กสวนฯ’ ผมเชื่อว่าคงมีเด็กสวนไม่กี่คนกระมังที่ไม่เคยลิ้มรสก๋วยเตี๋ยววัดเลียบ ถ้าได้เรียนที่นั่นอย่างน้อยสามปีก็ต้องมีที่ได้ไปโดนเข้าสักครั้งกันล่ะ บางคนจบไปแล้วยังไม่วายถวิลหาร่ำร้องอยากกลับมาโดนอีกครั้งในจะขาด
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ วัดเลียบ หรือ วัดราชบุรณราชวรวิหาร กันก่อน วัดแห่งนี้มีมาตั้งแต่สมัยปลายกรุงศรีอยุธยา ต่อมาสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอในรัชกาลที่ ๑ ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์ หลังจากนั้นรัชกาลที่ ๑ จึงพระราชทานนามว่า วัดราชบุรณะ เป็นพระอารามหลวงชั้นโท วัดแห่งนี้มีผลงานของศิลปินไทยผู้เขียนภาพแบบทัศนียภาพเป็นท่านแรกของเมืองไทย (perspective) คือท่าน ขรัวอินโข่ง แต่ว่าถูกระเบิดทำลายไปตอนสงครามโลกเสียแล้ว
บริเวณวัดก็ไม่ไดกว้างขวางสักเท่าไหร่นะครับ แต่ที่ตั้งนั้นนับว่าอยู่ในชัยภูมิสำคัญทีเดียว คือใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้เขตการค้า ใกล้สะพานพุทธ ติดกับโรงไฟฟ้าวัดเลียบ (การไฟฟ้านครหลวง ในปัจจุบัน) จึงไม่แปลกที่จะพลอยโดนลูกหลงจากระเบิดด้วย พื้นที่ด้านที่ติดกับถนนตรีเพชรและถนนจักรเพชร ถูกกันไว้เป็นที่จอดรถของคนทั่วไปและรถของเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า ก็คงเป็นการหารายได้เข้าวัดทางหนึ่งล่ะครับ
ภาพนี้ไม่เกี่ยวกับก๋วยเตี๋ยว แต่เป็นภาพสะพานพุทธสมัยโน้น เอามาจากอินเทอร์เน็ต ขออภัยที่ลืมบันทึกที่มา
ข้อมูลเขาบอกว่าเป็นฝีมือการถ่ายภาพของคุณรงค์ วงษ์สวรรค์
จะเห็นปล่องไฟจากโรงไฟฟ้าวัดเลียบปล่อยควันดำปี๋อยู่ไกลๆ
มาถึงเรื่องของกินกันบ้าง ทางเข้าวัดฝั่งตรงข้าม โรงเรียนสวนกุหลาบ ติดกับประตูวัดเลยครับ จะเจอรถเข็นขายก๋วยเตี๋ยว เดินผ่านรั้ววัดก็จะได้กลิ่นน้ำแกงหอมฉุยมาแต่ไกล ผมจำไม่ได้ว่าเขาขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อหรือหมูหรือทั้งสองอย่าง เพราะไปทีไรก็สั่งแต่เนื้อทุกที ถามว่าอร่อยตรงไหนน่ะเหรอครับ บอกไม่ถูกเหมือนกัน ถามเพื่อนๆ ดูก็อธิบายกันไม่ถูกว่าอร่อยตรงไหน แต่ก็กินกันประจำ
สมัยนั้นถ้าจำไม่ผิดก็สนนราคาที่ชามละ ๒๐ บาท ปริมาณกำลังเหมาะสำหรับหนึ่งอิ่ม ถ้าจะเอาแบบเต็มที่ก็ควรเบิ้ล เป็นแห้งชามน้ำชามกำลังดี มีให้เลือกทั้งเนื้อสด เนื้อตุ๋น เครื่องใน ลูกชิ้น ตัดสินใจไม่ถูกก็สั่งแม่งรวมทุกอย่างไปเลย ผมยังจำได้อยู่ว่าน้ำแกงของเขาหอมจริงๆ นั่นน่าจะเป็นสิ่งแรกที่ทำให้ผมนึกถึงและคิดว่ามันอร่อยตรงนี้นั่นล่ะ ตบตูดด้วยโอเลี้ยงซักแก้ว เป็นอันครบสูตร
เคยถามผู้รู้บางท่าน เขาว่าต้มเนื้อนี่นะถ้าจะให้หอมอร่อยกลมกล่อม หย่อนใบกัญชาลงไปซักนิดจะดีนัก ไม่รู้จริงหรือไม่อย่างไรนะครับ ชาวสวนฯ หลายคนก็เล่าต่อกันมาว่าร้านนี้แกก็ใส่กัญชาลงไปจริงๆ ไม่ได้ใส่กะให้คนกินติดนะครับ เขาใส่เป็นเครื่องปรุงเท่านั้น ลองค้นดูก็เห็นทีว่าท่าจะจริง คนโบราณเขาใส่เพื่อดับกลิ่นและเพิ่มรสชาติ น่าจะเป็นสมัยที่หลวงท่านยังไม่ได้ไล่จับกัญชากันจริงจังล่ะมั้งครับ สมัยนี้ก็ไม่รู้ว่ายังใส่อยู่หรือไม่ แต่ตอนนั้นนี่กินกันอร่อยปากไม่เคยคิดอะไรหรอกครับ
เด็กสวนหลายคนติดใจก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ถึงขั้นเป็นเอามาก เพื่อนผมบางคนนี่ต้องกินแทบทุกวัน ร้านเขาเปิดแต่เช้า เจ็ดโมงนี่ก็สั่งกินได้แล้ว บางคนมาถึงแต่เช้าตรู่ก็ไม่เข้าโรงเรียน นั่งรอเขาจัดร้านอยู่ในวัดนั่นล่ะ มีเพื่อนทะโมนบางคนลงทุนปีนรั้วออกมากินตอนกลางวัน พอครูฝ่ายปกครองจับได้ก็สารภาพว่าไม่ได้จะหนีเรียน แค่ขอออกไปกินก๋วยเตี๋ยวเท่านั้น มันบอกว่าหนีไปหลายครั้งแล้ว กินเสร็จก็ปีนเข้ามาเรียนต่อ ไม่ได้โดดเรียนจริงๆ
ทุกวันนี้เขาก็ยังขายอยู่ น่าจะตกทอดมาถึงรุ่นที่สองหรือที่สามก็ไม่รู้นะครับ ผมเองไม่ได้กลับไปกินมาเป็นสิบปีแล้ว ผ่านไปทีไรก็ยังชวนให้นึกเสมอ ถึงจะไม่เคยปีนรั้วหนีออกมากินก็เถอะ