การ์ตูน จัดเป็นสื่อประเภทหนึ่งที่เข้าถึงผู้คนได้อย่างง่ายและสร้างความสนใจได้มาก ที่สุด เพราะมีภาพประกอบที่สวยงามช่วยดึงดูดให้ผู้คนสนใจ โดยเฉพาะเด็กๆ การ์ตูนนอกจากจะให้ความบันเทิงแล้วยังสามารถสอดแทรกข้อมูลข่าวสารสื่อไปยัง ผู้อ่านหรือผู้ชมได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม และอุตสาหกรรมการ์ตูนที่ใหญ่ที่สุดในโลกคงจะหนีที่ไหนไปไม่พ้น นอกจากที่ประเทศญี่ปุ่น
มังงะ หรือการ์ตูนในภาษาญี่ปุ่น จัดเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้เป็นจำนวนหลายพันล้านดอลล่าร์ต่อปี การ์ตูนหลายเรื่องช่วยเสริมสร้างจินตนาการและแนวคิดที่ถูกต้อง อันจะช่วยพัฒนาสติปัญญาของผู้อ่าน และส่งผลกระทบไปถึงสังคม ทุกท่านคงจะคุ้นเคยกับการ์ตูนญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นแนวรักโรแมนติก ตลกโปกฮา กีฬา วิทยาศาสตร์ หรือแนวอื่นๆ ข้าพเจ้าก็เช่นกัน การ์ตูนหลายเรื่องยังคงตรึงตาตรึงใจอยู่แม้จะผ่านมาเนิ่นนาน การ์ตูนใหม่ๆ บางเรื่องก็แทงใจยิ่งนัก ซึ่งจะขอนำเสนอบางส่วนเพื่อแบ่งปันความรู้สึกร่วมกัน
เจ้าหนูปรมาณู : Astro Boy (1952)
ผลงานชิ้นเอกของวงการการ์ตูนญี่ปุ่น จากฝีมือของปรมาจารย์ โอซามุ เทสึกะ ว่าด้วยเรื่องราวการปกป้องโลกของหุ่นยนต์เด็กจอมพลังที่ชื่อ อะตอม จาก การประดิษฐ์ของนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ ดร.เทนมะ ตีพิมพ์ครั้งแรกตั้งแต่ปี 1952 จนในปี 1963 จึงถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นเป็นตอนๆ ฉายทางโทรทัศน์ ออกฉายจนถึงปี 1966 เป็นการ์ตูนที่ฉายทางโทรทัศน์ที่เรียกเรตติ้งสูงเป็นประวัติการณ์ ตัวเลขสูงถึง 40.3% จากที่เดิมสถานีมีเรตติ้งอยู่ที่ 25% และพร้อมๆ กับที่ฉายที่ญี่ปุ่น ก็ถูกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี (NBC Network) นำไปฉายที่อเมริกาถึงสองหนปี 1980 เจ้าหนูอะตอม ถูกนำมาสร้างใหม่อีกครั้ง จนถึงในปี 2003 ก็ยังมีการนำกลับมาสร้างซ้ำอีก นับเป็นการ์ตูนอมตะที่ยังได้รับความสนใจอยู่เสมอ ล่าสุดมีการนำมาสร้างอีกครั้งในรูปแบบของภาพยนตร์อนิเมชั่นขนาดยาว โดยมีกำหนดออกฉายในปีหน้า (2008)
…………………………………………………………………………………………………………..
โดราเอมอน เจ้าแมวจอมยุ่ง : Doraemon (1969-1996)
คงไม่มีใครไม่รู้จักเจ้าหุ่นยนต์แมวตัวกลมๆ สีฟ้าตัวนี้ … โดราเอมอน กำเนิดจากจินตนาการของ ฮิโรชิ ฟูจิโมโตะ และ อะบิโกะ โมโตโอะ หรือที่รู้จักกันในนามปากกาว่า ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ ว่าด้วยเรื่องราวยุ่งๆ ของหุ่นยนต์แมวจากโลกอนาคต ที่เดินทางย้อนเวลามาคอยช่วยเหลือ โนบิตะ เด็กชายที่ไม่เอาไหนในทุกเรื่อง รูปไม่หล่อ เรียนไม่เก่ง ขี้เกียจ ขี้แย อ่อนแอ แม้แต่เป่ายิ้งฉุบก็ไม่เคยชนะใคร แต่เขามีเป็นคนดี มีจิตใจเมตตา รักความยุติธรรม เรื่องสนุกๆ มักจะเกิดจากของวิเศษนานาชนิดของโดราเอมอนที่งัดออกมาช่วยเหลือโนบิตะ ซึ่งก็มักจะลงเอยด้วยเรื่องวุ่นๆ ที่เกิดจากความไม่เอาไหนของโนบิตะ
โดราเอมอนจัดเป็นการ์ตูนมหาอมตะเรื่องหนึ่งของโลก เพราะไม่เพียงแต่จะโด่งดังในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังดังไปทั่วโลก ด้วยเนื้อเรื่องที่สนุกสนานแต่แฝงไปด้วยแง่คิด และความเข้าใจถึงจิตวิทยาเด็กเป็นอย่างดี ทำให้เจ้าแมวจอมยุ่งครองใจเด็กๆ มาทุกยุคทุกสมัย นับแต่ที่ออกตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 1969 ถูกนำมาสร้างเป็นอนิเมชั่นฉายทางโทรทัศน์ทั้งตอนสั้นและตอนยาว รวมถึงทำเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นฉายในโรงใหญ่ก็เคยมาแล้ว โดราเอมอนกลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของชาวญี่ปุ่น เราสามารถเห็นเจ้าแมวและผองเพื่อนได้แทบทุกที่ไม่ว่าจะเป็นในหนังสือการ์ตูน จนกระทั่งข้าวของเครื่องใช้นานาชนิด
ผลงานอื่นๆ ของ ฟูจิดกะ ฟูจิโอะ ที่เป็นที่รู้จักกันดีเช่น ผีน้อย คิวทาโร่, นินจาฮาโตริ, ผีน้อยไคบุซึ และปาร์แมน โดราเอมอนสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการในปี 1996 หลังจากที่ ฟูจิโมโตะ ถึงแก่กรรมลง แต่หลังจากนั้นก็มีผู้นำโดราเอมอนมาสร้างใหม่เป็นตอนพิเศษ และยังคงมีออกฉายอยู่เป็นระยะในโอกาสพิเศษ
……………………………………………………………………………………………………
อิ๊กคิวซัง เณรน้อยเจ้าปัญญา : Ikkyu-san (1975-1982)
เด็กไทยอยากจะฉลาดหัวไวเหมือนอิ๊กคิวกันทั้งประเทศเมื่อภาพยนตร์การ์ตูนชุดนี้ออกฉายทางโทรทัศน์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2525 เณรน้อยเจ้าปัญญา เป็นผลงานของ บริษัท โตเอ อนิเมชั่น เนื้อเรื่องดัดแปลงมาจากชีวประวัติของบุคคลที่มีตัวตนจริงๆ ในประวัติศาสตร์ คือ ท่านเซนิคุมารุ เป็นบุตรของนางสนมแห่งจักรพรรดิญี่ปุ่น แต่ด้วยปัญหาความไม่สงบของฝ่ายใน จึงต้องถูกเปลี่ยนสถานะมาเป็นสามัญชน เข้าบวชเมื่ออายุได้ 6 ขวบ และได้แสดงความเฉลียวฉลาดจนเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว
ในการ์ตูนได้วางเรื่องให้อิ๊กคิวซังเป็นคู่ปรับคนสำคัญของ โชกุน อาชิคางะ โยชิมิสึ ซึ่งวางให้ตัวละครโชกุนเป็นตัวเรียกเสียงหัวเราะอยู่เนืองๆ เหมือนเป็นการล้อเลียนชนชั้นปกครองอย่างกลายๆ แต่ละตอนจะผูกเรื่องให้มีเหตุการณ์ที่ต้องให้อิ๊กคิวซังคอยแก้ปัญหา และสอดแทรกคติธรรมให้กับเด็กๆ เป็นการสอนสั่งให้เด็กๆ ตั้งอยู่ในศีลธรรมอันดี นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่แม้จะผ่านมาหลายสิบปีแต่การ์ตูนชุดนี้ก็ยังเป็นที่นิยมของเด็กๆ และผู้ปกครองเสมอ
………………………………………………………………………………………………
ลามู ทรามวัยต่างดาว : Urusei Yatsura (1978-1987)
สุดยอดการ์ตูนโรแมนติก-คอมเมดี้ ผลงานของ ทาคาฮาชิ รูมิโกะ เล่าถึงเรื่องราวของเด็กหนุ่มจอมลามก โมโรโบชิ อาตารุ กับ ลามู สาวสวยจากต่างดาว ที่ต้องพบกับเรื่องยุ่งๆ เพราะความเจ้าชู้และขี้หลีของอาตารุ แม้ว่าทั้งคู่จะชอบทะเลาะกันตลอดและเจ้าอาตารุจะจีบสาวไม่เลือกหน้า (ไม่เลือกจริงๆ แม้แต่ผีมันก็ยังจีบ) แต่ลึกๆ ในใจแล้วหมอนี่รักลามูสุดหัวใจ อย่างในตอนจบที่อาตารุต้องพยายามวิ่งไล่จับเขาของลามูให้ได้ เพื่อยุติเหตุร้ายจากชนเผ่าดาวยักษ์ ลามูจะยอมให้เขาจับเขาได้ถ้าเขายอมบอกว่ารักเธอ แต่อาตารุเลือกที่จะวิ่งไล่จับแทน เพราะเขาเชื่อว่า “ถ้าบอกไปว่ารัก แล้วเธอจะรู้ได้ยังไงว่าชั้นพูดจากใจจริง”
การ์ตูนเรื่องนี้เน้นความฮาแบบประสาทๆ และมุขตลกที่เกิดจากความเพี้ยนของตัวละคร เขียนจบเป็นตอนๆ ลงในนิตยสารรายสัปดาห์ และนำเสนอเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นเป็นตอนเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีออกมาเป็นตอนพิเศษขนาดยาว ซึ่งก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ลามู ตัวละครเอกของเรื่องจัดเป็นไอดอลที่เน้นความเซ็กซี่ เป็นตัวการ์ตูนยุคแรกๆ ที่แสดงออกในแนวโลลิคอน (เป็นกลุ่มผู้มีรสนิยมทางเพศประเภทหนึ่งที่มีความชอบ หลงใหลในเด็กสาวที่อายุน้อยๆ) ก็เพราะเราจะเห็นเธอนุ่งบิกินี่ตัวจิ๋วอยู่ทั้งเรื่อง ช่วงที่นำเข้ามาฉายในบ้านเรา จึงมีกระแสต่อต้านจากฝ่ายหัวอนุรักษ์พอสมควร
ผลงานอื่นๆ ของ ทาคาฮาชิ รูมิโกะ ที่คนไทยรู้จักดีก็เช่น รันม่า 1/2 และ อินุยาฉะ เทพอสูรจิ้งจอกเงิน
………………………………………………………………………………………………
อากิระ : Akira (1982-1990)
ผลงานของ คัตสึฮิโระ โอโตมุ เป็นการ์ตูนไซไฟ เล่าถึงกรุงโตเกียวที่เปลี่ยนเป็น นีโอ โตเกียว ภายหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สาม ญี่ปุ่นถูกปกครองโดยรัฐบาลทหาร บ้านเมืองวุ่นวายราวกับอยู่ในแดนเถื่อน ปัญหาความยากจน ยาเสพติด อาชญากรรมเต็มประเทศ โฟกัสของเรื่องพุ่งไปที่เด็กหนุ่มแกงค์ซิ่งที่ชื่อ คาเนดะ ที่เข้าไปพัวพันกับการทดลองของกองทัพเกี่ยวกับการใช้พลังจิตโดยใช้เด็กๆ เป็นหนูทดลอง เทตสึโอะ เพื่อนรักของคาเนดะที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างการหลบหนีการจับกุมเกิดมีพลัง ประหลาดขึ้น ทำให้เขามีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว ด้วยความหยิ่งผยองและอวดดีของเทตสึโอะ เขาปลุก อากิระ เด็กทดลองของกองทัพที่มีพลังเหนือการควบคุมให้ตื่นจากการหลับใหล ไม่เพียงแต่ญี่ปุ่นที่กำลังจะล่มสลาย แต่มันอาจจะหมายถึงโลกทั้งใบเลยก็ได้
โอโตมุ ได้แรงบัลดาลใจส่วนหนึ่งมาจากภาพยนตร์ไซไฟชื่อดัง 2001 : A Space Odyssey นอกจากจะตีพิมพ์เป็นหนังสือการ์ตูนแล้ว อากิระ ยังถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่น ความยาวเกือบ 2 ชั่วโมง และเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นของญี่ปุ่นเรื่องแรกที่ได้ออกฉายในฮอลลิวู้ด
………………………………………………………………………………………………
ดราก้อนบอล : Dragon Ball (1984-1995)
มหากาพย์แห่งการ์ตูนญี่ปุ่น ผลงานของ โทริยาม่า อากิระ ผู้เขียน ดร.สลัมป์ กับหนูน้อยอาราเร่ ที่โด่งดัง ตีพิมพ์ในนิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์ โชเนน จัมป์ (Shonen Jump) เป็นครั้งแรกในปี 1984 จนมาถึงตอนจบในปี 1995 เป็นเวลา 11 ปี ทีเดียวที่การ์ตูนชุดนี้ครองใจแฟนนักอ่านชาวญี่ปุ่นและลามไปทั่วโลก ประเทศไทยเราเองก็ไม่เว้น แม้ในปัจจุบันก็ยังคงได้รับความนิยมจากเด็กๆ รุ่นใหม่ ยังมีการตีพิมพ์ซ้ำออกมาอย่างต่อเนื่อง มีการประมาณกันไว้ว่าจำหน่ายไปแล้วถึง 120 ล้านฉบับ รวมถึงที่เป็นการ์ตูนออกฉายทางโทรทัศน์มากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งสินค้าและแบรนด์ต่างๆ ของดราก้อนบอลก็ยังทำเงินมหาศาลให้แก่เจ้าของลิขสิทธิ์อีกด้วย ล่าสุดถูกฮอลลิวู้ดนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์แล้ว เตรียมออกฉายกลางปีหน้า (2008 )
ดราก้อนบอล เริ่มต้นด้วยเรื่องราวของ บลูม่า สาวน้อยที่ออกตามหาดราก้อนบอล เป็นลูกบอลเรืองแสง 7 ลูก ที่เมื่อใครรวบรวมได้ครบก็จะขอพรวิเศษได้หนึ่งข้อ ระหว่างออกตามหา บลูม่าได้พบกับ โงกุน เด็กชายมีหางที่มีฝีมือในการต่อสู้ ทั้งคู่ร่วมกันออกผจญภัยเพื่อตามหาดราก้อนบอล โทริยาม่าสอดแทรกมุขตลกไว้ตลอดเรื่อง (รวมถึงความทะลึ่งและลามก) ช่วงแรกๆ ของดราก้อนบอล จะออกไปในแนวแฟนตาซีสนุกสนาน ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้น จริงจังของเนื้อมากขึ้นจนกลายเป็นการ์ตูนแนวแอ๊กชั่นที่ค่อนข้างจริงจัง ตลอดทั้งเรื่องจะแฝงแนวคิดของการพิทักษ์คุณธรรม ปกป้องผู้ที่อ่อนแอกว่า ความสามัคคีและมิตรภาพ