ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ไม่ว่าจะเพราะเป็นตัวตนจริงๆ ของเล่าปี่ หรือเป็นเพียงละครเรื่องยาวที่เล่าปี่ต้องสวมบทบาท ‘คนดี’ อยู่ตลอดเวลาก็ตามที แต่ภาพลักษณ์ของเขาก็คือพระเจ้าอาผู้มีใจเมตตา ทรงคุณธรรม กลายเป็นสัญลักษณ์ของฝ่ายดีในสามก๊ก
เล่าปี่อ้างตัวเสมอว่าสืบเชื้อสายมาจากตงสานเช็งอ๋อง แห่งราชวงศ์ฮั่น หากสืบประวัติจริงๆ แล้วก็เป็นเพียงพระญาติปลายแถว แถมยังถูกเนรเทศออกจากเมืองหลวงเสียอีก หลังจากที่ทำความผิด (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นการกินนอกกินในหรืออย่างไรนี่แหละ) เอาเป็นว่าก็ต้องซัดเซไปอยู่บ้านนอกกลายเป็นเพียงชนสามัญสืบทอดมาถึงเล่าปี่ที่ประกอบอาชีพทอเสื้อถักรองเท้าขาย เราจึงมักได้ยินตัวละครอื่นพูดถึงเล่าปี่ว่า “อ้ายคนทอเสื่อริจะเป็นอ๋อง”
ขณะที่โจโฉยึดตำแหน่งตัวร้ายเอาไว้ เล่าปี่ก็รีบชิงบทคนดีมาครองก่อนที่จะถูกคนอื่นแย่ง เล่าปี่จึงสวมบทบาทคนดีไว้ตลอด ไม่ว่าจะทำอะไรเล่าปี่มักจะอ้างถึงมวลชนก่อน หรือการช่วงใช้คนเก่งทั้งหลาย เล่าปี่ก็ในกลวิธีซื้อใจซึ่งเห็นผลดีนักแล
เริ่มตั้งแต่ตอนที่เกลี้ยกล่อมจนกวนอูกับเตียวหุยหลงคารม สาบานตนเป็นพี่น้องกัน ในครั้งนั้นเล่าปี่ก็อาศัยข้ออ้างเดิมๆ คือสืบเชื้อสายราชวงศ์ฮั่น หวังจะฟื้นฟูราชวงศ์ หวังดีต่อปวงประชา แต่อนิจจาบัดนี้เป็นเพียงสามัญชนต้อยต่ำ ทอเสื่อขายไปวันๆ …แหม ช่างเป็นคนทอเสื่อที่วางเป้าหมายชีวิตซะสูงลิบเชียว
เล่าปี่มักแสดงความถ่อมตนไม่เป็นผู้มักใหญ่ใฝ่สูง ตอนถูกลิโป้ชิงเมือง ก็กลับยกให้เขาเสียดื้อๆ ผมเชื่อว่าแท้จริงแล้วเล่าปี่ดีใจเสียอีกที่ลิโป้เอาเมืองไปได้ เพราะเมืองเสียวพ่ายเล็กนิดเดียว สู้ไปยึดเมืองอื่นที่โตกว่าไม่ดีกว่าหรือ แถมยังไม่ต้องทนเป็นขี้ข้าเล่าเปียวเสียด้วย แต่ในตอนนั้นก็ต้องตีหน้าว่ายอมยกให้ลิโป้ที่ ‘ดูเหมือน’ จะเหนือกว่าตนแทบทุกทาง
พอหนีมาพึ่งใบบุญโจโฉก็ยังไม่วายเก็บตัวทำเป็นพอเพียง อยู่แต่ในบ้านปลูกผักสวนครัวสบายใจ แต่ในใจกำลังซุ่มหาทางวางแผนอนาคต โจโฉตามตัวไปเป็นเพื่อนกินเหล้าแล้วก็ชวนคุยถึงวีรบุรุษ เล่าปี่ก็เฉไฉเอ่ยชื่อคนโน้นคนนี้ไปเรื่อย แต่โจโฉดักคอว่า “ทอดตาทั่วแผ่นดินนี้เห็นมีเพียงแค่ข้ากับท่านเท่านั้น” เล่นเอาเล่าปี่ตกใจ ไม่นึกว่าโจโฉจะล่วงรู้แผนในใจ บังเอิญฟ้าร้องดังเปรี้ยงพอดี เลยแสดงบทแต๋วแตกเอามือปิดหูอ้างว่ากลัวเสียงฟ้าร้อง ทำเอาโจโฉขำกลิ้ง “ชายชาติทหาร ไยกลัวเพียงเสียงฟ้าผ่า”
ที่แสดงสมบทบาทสุดๆ คือเมื่อครั้งปักหลักอยู่ที่อ้วนเซีย โจโฉยกทัพมากะเอาให้ตาย ซุนเขียนแนะให้หนีเอาตัวรอด แต่เล่าปี่ไม่ยอมไปคนเดียว โดยอ้างว่าไม่อยากทิ้งราษฎร “ชาวบ้านซินเอี๋ย อ้วนเซียตามเรามานานจะทิ้งเขาลงได้อย่างไร ผู้ทำการใหญ่สำเร็จล้วนให้ความสำคัญต่อมวลราษฎร ชาวบ้านสูงค่ายิ่งกว่าเจ้าขุนมูลนาย” ขงเบ้งจึงว่าให้ชาวบ้านตัดสินใจเองเถิดว่าใครอยากตามก็มา ใครอยากอยู่ก็เชิญ
แน่นอนว่าจากโฆษณาชวนเชื่อของหลายๆ ฝ่ายที่สร้างภาพว่าโจโฉเป็นคนเลว ชาวเมืองซินเอี๋ยจึงอพยพลงเรือหนีไปซงหยงกันวุ่นวาย บ้างก็ถูกเหยียบตาย บ้างก็จมน้ำตาย เรียกว่าเสียไปหลายชีวิตกับการอพยพหนีตามเล่าปี่ เมื่อเห็นภาพอันแสนรันทดเช่นนี้ ก็รีบดราม่าต่อทันที เล่าปี่ร้องไห้เสียใจที่ตนเป็นเหตุให้ชาวบ้านต้องละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอน ต้องลำบากหนีไปพร้อมตน จึงทำทีจะกระโจนน้ำตาย
เท่านั้นแหละ บรรดานายทหารและเสนาธิการรีบเข้าห้าม ชาวเมืองที่เห็นภาพก็ร้องไห้อาลัย ร้องให้เล่าปี่อยู่ต่อ เป็นการแสดงน้ำใจว่าสงสารประชาชน นับว่าเป็นผลดีทำให้ภาพลักษณ์ของความเป็นผู้นำที่มีคุณธรรมและรักมวลชนติดตัวเล่าปี่ไปตลอดกาล
เรื่องราวดราม่าของเล่าปี่ยังไม่จบครับ เดี๋ยวมีต่อ