บรรดาผู้นำในสามก๊ก แต่ละคนก็จะมีบุคลิกที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งมีทั้งดีและไม่ดีปะปนอยู่ในคนๆ เดียว ตามประสามนุษย์ปุถุชนที่ไม่มีใครดีเลิศไปเสียหมด มีอยู่คนหนึ่งที่แม้จะไม่ได้มีอำนาจรุ่งเรืองจนตั้งเป็นก๊กได้ และมีบทบาทอยู่ในช่วงแรกของสงคราม แต่คนๆ นี้ก็มักจะถูกยกมาเป็นกรณีศึกษาถึงการเป็นผู้นำในทุกวงการอยู่เสมอ แต่ออกจากไปในทางที่ไม่ควรอย่างเสียมากกว่า เขาคือ อ้วนเสี้ยว
อันนี้ผมคิดเอาเองนะครับ อ้วนเสี้ยว นี่เป็นแหล่งรวมบุคลิกของผู้เป็นใหญ่ในสามก๊ก คือ โจโฉ เล่าปี่ และซุนกวน และอาจรวมอีกหลายๆ คนด้วย อ้วนเสี้ยวน่าจะเป็นหนึ่งในสามก๊กนี่ด้วยซ้ำ ก็ถ้าคนทอเสื่ออย่างเล่าปี่ยังเป็นอ๋องได้ ทำไมอ้วนเสี้ยวจะเป็นบ้างไม่ได้ (วะ) แต่อนิจจาที่วาสนาไม่ถึง อ้วนเสี้ยวก็เป็นได้แค่หัวหน้าแก๊งค์ชั่วคราวแล้วก็จบลงอย่างรวดเร็ว
กรณีศึกษาที่เด่นชัดที่สุดคือศึกกัวต๋อ … อ่า อันนี้ศึกใหญ่มว๊าก พูดถึงสามก๊กแล้วนอกจาศึกเซ็กเพ็ก ก็มีศึกกัวต๋อนี่แหละที่มีชื่อเสียงและเป็น case study ที่ใช้มาเนิ่นาน กรณีของคนน้อยชนะคนมาก กลยุทธ์การเอาชนะแบบพลิกแพลง คุณสมบัติการเป็นผู้นำและผู้ตาม ฯลฯ เอาเป็นว่ายุทธการกัวต๋อนี่เป็นศึกสำคัญที่ควรแก่การศึกษา
ขี้เกียจเล่าที่มาครับ เอาเป็นว่าเป็นการรบกันระหว่าง โจโฉ ที่ตอนนั้นเป็นใหญ่เป็นโตขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ควบ รมต.กลาโหม ควบ ผบ.สูงสุด ควบมันทุกตำแหน่งที่สำคัญๆ ถึงขนาดย้ายเมืองหลวงได้ก็แล้วกันคิดดู ทางฝ่าย อ้วนเสี้ยว ก็เป็นใหญ่เหมือนกัน ได้รับราชโองการเลือดให้รวบรวมกำลังพลถึงเจ็บสิบหมื่น บุกเข้ามาประชิดกัวต๋อ ขณะที่ฝ่ายโจโฉยกกำลังพลเพียงเจ็ดหมื่นออกมาต้น พออ้วนเสี้ยวได้ข่าวก็อุทาน อุ๊ยต๊าย … โจโฉทำเช่นนี้เหมือนเอาไข่มาตอกหิน คริๆ ๆ
โต๊ะพนันทุกแห่งใต้หล้าไม่มีใครยอมเปิดราคาต่อรอง ถึงเปิดก็ไม่แน่ว่าจะมีใครบ้าพอรองฝ่ายโจโฉ
อ้วนเสี้ยว ถือราชโองการเลือดปราบกบฎโจโฉ
ศึกกัวต๋อนั้นโจโฉเป็นฝ่ายรับ แต่เขาก็มีฮ่องเต้เป็นข้ออ้าง ฝ่ายอ้วนเสี้ยวก็อาศัยพวกมากลากมา โดยอ้างว่ามาปราบกบฎ แค่เริ่มต้นก็ฉายแววร่วงซะแล้ว เมื่อบุคลากรฝ่ายอ้วนเสี้ยวต่างเขม่นกันเอง แถมอ้วนเสี้ยวก็ขาดจุดยืน เตียนห้อง กับ ชีสิว สองที่ปรึกษาที่จงรักภักดีเห็นแย้งเข้าหน่อยก็สั่งขังซะงั้น ไอ้พวกที่เลียก็เลียซะจนน้ำลายท่วม ขนาดมีกำลังพลมากกว่าถึงสิบเท่า แต่ก็ยังไม่สามารถพิชิตโจโฉได้ ยิ่งเนิ่นนานไปสถานการณ์ก็เริ่มเปลี่ยน ขุนพลและที่ปรึกษาเริ่มสอพลอและหาประโยชน์ใส่ตัว แถมอ้วนเสี้ยวยังสั่งการไม่คิด เอาขุนพลขี้เหล้าอย่าง อิเขง ไปเฝ้าอัวเจ๋าแหล่งเสบียง
เขาฮิวจับสายลับฝ่ายโจโฉได้ ซึ่งกำลังจะเดินทางไปขอเสบียงเพราะเสบียงของโจโฉหมดเกลี้ยงแล้ว เขาฮิวนำความลับนี้ไปบอกอ้วนเสี้ยวหวังจะเอาความชอบ แต่กลับถูกอ้วนเสี้ยวด่าหาว่านำความลวงมาบอก เพราะเขาฮิวกับโจโฉเป็นเพื่อนเก่ากัน เสือกจะมาคิดเล็กคิดน้อยเอาตอนนี้ซะงั้น เขาฮิวน้อยใจมากก็เลยหนีไปเข้ากับโจโฉจริงๆ ซะเลย เขาฮิวจึงเอาเรื่องที่อ้วนเสี้ยวใช้อิเขงไปเฝ้าอัวเจ๋ามาบอกโจโฉ โจโฉจึงตัดสินใจทิ้งไพ่ตายบุกยึดอัวเจ๋า จนกลายเป็นจุดเปลี่ยนให้อ้วนเสี้ยวพ่ายแพ้
ตรงนี้ผมว่ามันก็ขึ้นกับการตัดสินใจของผู้นำ ที่อ้วนเสี้ยวคิดว่าเขาฮิวหลอกตนนั้นจะว่าไปมันก็น่าคิด แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเสธคนอื่นใส่ไฟเขาฮิวเพราะกลัวว่าเขาฮิวจะได้หน้า กลับกันทางฝ่ายโจโฉ ก็น่าคิดว่าถ้าเกิดเป็นแผนของอ้วนเสี้ยวส่งเขาฮิวมาเป็นสายลับล่ะ (เหมือนกรณี เจียวก้าน) มันก็น่าคิดนะ คือไพ่มันออกได้ทั้งสองหน้า ทีนี้ก็ขึ้นกับผู้นำแล้วว่าจะตัดสินใจอย่างไรด้วยข้อมูลที่มีอยู่
เขาฮิวนำจดหมายลับของโจโฉมาให้อ้วนเสี้ยว แต่ดันถูกหาว่าเป็นไส้ศึก
อ้วนเสี้ยวนั้นตัดสินใจด้วยเหตุผลบ้าๆ บอๆ หรือไม่ก็อารมณ์ส่วนตัว ขณะที่โจโฉใช้ข้อมูลอย่างเป็นประโยชน์แล้วจึงตัดสินใจ ถ้าผิดก็รับว่าคิดผิด แต่ถ้าถูกก็ถึงกับน็อคมืด ขุนพลหลายคนต่างแย้งว่ายังไม่ควรเชื่อเขาฮิว ถ้าเป็นอ้วนเสี้ยวอาจสั่งประหารไปแล้ว แต่โจโฉรู้ดีว่าเพราะลูกน้องเป็นห่วง สุดท้ายเขาก็ประกาศว่า ข้าคิดรอบคอบดีแล้ว ขอให้ปฏิบัติตามนี้ ซึ่งลูกน้องก็โอเคยอมรับ
การเสียอัวเจ๋าคือเหตุผลหลักของการพ่ายแพ้ ขณะที่สถานการณ์เลวร้าย บรรดาคนรอบข้างอ้วนเสี้ยวยังเสือกกัดกันเองอีก เตียวคับเสนอว่าอัวเจ๋าถูกล้อมต้องรีบไปช่วย กัวเต๋าเห็นแย้งบอกว่าระหว่างนี้ต้องแอบไปตีค่ายโจโฉสิ รู้ไหมครับว่าอ้วนเสี้ยวตัดสินยังไง
ความเห็นของท่านทั้งสองต่างมีเหตุผล แล้วเราจะติดสินใจยังไงดีน้า มึนไปหมดแว้วววว …. สุดท้ายเขาสั่งให้เตียวคับไปตีค่ายโจโฉด้วยกำลังพลแค่ห้าพัน แล้วให้เจียวกี๋นำทัพหนึ่งหมื่นไปช่วยอัวเจ๋า เห็นไหมครับว่าสั่งสลับกัน เตียวคับเสนอให้ช่วยอัวเจ๋าแต่เสือกถูกสั่งให้ไปตีค่าย แถมให้คนไปแค่ห้าพัน เตียวคับรับคำสั่งแบบงงๆ แล้วพอตีไม่ได้ก็ถูกกัวเต๋าใส่ไฟว่าเตียวคับมันไม่เอาจริง คิดจะไปเข้ากับโจโฉ อ้วนเสี้ยวก็หลงเชื่ออีก เตียวคับรู้ข่าวก็น้อยใจมาก เลยหนีไปอยู่กับโจโฉแม่งเลย แล้วเตียวคับก็กลายเป็นขุนพลคู่ใจของโจโฉมาอีกนานแสนนาน
ขุนพลคนเก่งอย่างเตียวคับ หรือเสนาธิการอย่างเขาฮิว ก็หนีไปอยู่ฝ่ายตรงข้าม ไอ้ที่มีอยู่ก็ห่วงแต่ประโยชน์ส่วนตน ทัพอ้วนเสี้ยวก็ไม่ต่างอะไรจากมดแตกรัง ไม่เป็นขบวน สุดท้ายก็แพ้ยับเยิน
โจโฉตัดสินใจไปยึดอัวเจ๋าด้วยตนเอง
จะโทษว่าเพราะบุคลากรของอ้วนเสี้ยวมันไม่ได้เรื่อง มันก็ไม่จริงทั้งหมดนะครับ เตียนห้องกับชีสิวนี่ก็เป็นคนดี รักอ้วนเสี้ยวมาก แต่อ้วนเสี้ยวเสือกไม่เชื่อเอง เขาฮิวกับเตียวคับก็เช่นกัน อ้วนเสี้ยวทำตัวเองชัดๆ ด้วยการคุมทัพแบบเอาแต่ใจไม่ดูสถานการณ์ เป็นพวกร้อยอุบายแต่ไร้การตัดสินใจ คือไม่เลือกเอาซักอย่าง หรือถ้าเลือกก็ดันเลือกผิด
ส่วนตัวแล้วผมเห็นใจอ้วนเสี้ยวนะครับ เขาเป็นคนหนึ่งที่จงรักภักดีต่องราชวงศ์ฮั่นมากๆ แต่ซวยที่ไม่เก๋าพอ อาจเป็นเพราะเขามีต้นทุนชีวิตดีมาตั้งแต่ต้น ต้นตระกูลเป็นขุนนางมาหลายสมัย เรียกว่าเติบโตเร็วมากด้วยเส้นสายและบุญเดิมของตระกูล ใครๆ ก็เกรงใจ พินอบพิเทา ผิดกับโจโฉที่ผ่านอะไรมาเยอะกว่าจะมาถึงจุดนี้ แม้อ้วนเสี้ยวจะมีข้อด้อยเยอะแต่ก็ไม่ใช่คนเลวนะครับ อาจเพราะวาสนาที่มีอยู่ถูกใช้ไปจนหมดแล้วก็ได้ อะไรๆ มันจึงบังตาไปหมดจนพ่ายแพ้