องค์กรที่จะประสบความสำเร็จจะต้องมีการวางนโยบายและแผนงานที่เป็นระบบ เป็นรูปธรรม มีบุคลากรที่ดี มีโน่นนี่นั่นมากมาย และอาจต้องมีดวงเพิ่มด้วยในบางโอกาส ในสามก๊กก็มีแผนและกลยุทธมากมาย ที่รู้จักกันดีคือ แผนยุทธศาสตร์ที่หลงจง ซึ่งเป็นนโยบายหลักที่ จูกัดเหลียง เสนอต่อ เล่าปี่ ในวันที่ได้พบกันที่กระท่อม ในสามก๊ก ๒๐๑๐ ก็มีอีกแผนยุทธศาสตร์ที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือนโยบายที่ สุมาอี้ นำเสนอต่อ โจโฉ
ลองมาดูแผนยุทธศาสตร์ของทั้งสองคนกันก่อน
ยุทธศาสตร์ที่จูกัดเหลียงวางไว้คือ “… นับจากสิ้นตั๋งโต๊ะ ขุนพลมากมายต่างแก่งแย่งชิงอำนาจ โจโฉมีกำลังด้อยกว่าอ้วนเสี้ยวแต่กลับพลิกเอาชนะได้ มิใช่เพราะโอกาสดี แต่เอาชนะได้เพราะปัญญา บัดนี้โจโฉมีกำลังพลมากกว่าร้อยหมื่น อาศัยพระบรมราชโองการจากองค์ฮ่องเต้บัญชาการได้ทั่วทิศ ท่านจึงยังมิควรต่อกร ซุนกวนครองกังตั๋งมาถึงสามรุ่น ชัยภูมิดี มีแม่น้ำขวางกั้น ประชาชนภักดี คนเก่งมากมาย ท่านควรผูกมิตรไว้ เกงจิ๋วด้านเหนือติดแม่น้ำสองสาย ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ตะวันออกติดง่อกุ๋น ตะวันตกติดปาจ๊ก เป็นจุดยุทธศาสตร์ เล่าเปียวแม้ครองอยู่แต่ก็รักษาไม่ได้นาน ด้านเอกจิ๋วพื้นที่กว้างขวาง ผู้คนมากความสามารถ ท่านเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้คนรักใคร่ หากยึดเอกจิ๋วและเกงจิ๋วเป็นฐานที่มั่น ผูกมิตรกับชาวเมือง ซื้อใจประชาราษฎร์ สานสัมพันธ์ง่อก๊ก รอเวลาเหมาะสมเข้าตีลำหยงถึงลกเอี๋ยง ส่วนท่านเคลื่อนทัพจากเอกจิ๋วเข้าฉินฉวน ผู้คนก็จะให้การต้อนรับ ราชวงศ์ก็จักฟื้นฟู …”
ทีนี้ลองมาดูแผนของสุมาอี้บ้าง “ที่ท่านพ่ายในศึกผาแดงมิใช่เพราะหลงลำพอง เมื่อเทียบจำนวนกองทัพแล้วตามปกติทันทีที่ท่านยกทัพ ซุนกวน และ เล่าปี่ ควรยอมศิโรราบ แต่แม้จะจนตรอกพวกเขาเลือกจะจับมือสู้ตาย เพราะในสายตาของคนทั่วหล้า แม้ท่านจะเป็นเสนาบดีแต่ก็คือกังฉิน เล่าปี่แม้ตัวคนเดียวแต่ก็เป็นเชื้อพระวงศ์ฮั่น ราชสำนักเสื่อมแต่ยังไม่สิ้น ผู้คนจึงศรัทธาฮั่นมากกว่าโจโฉ หลังศึกผาแดง แผ่นดินจะแบ่งเป็นสามก๊ก ภายในสิบปีนี้ท่านคงยากจะรวมแผ่นดิน หากท่านตีเล่าปี่ ซุนกวนก็จะมาช่วย ตีซุนกวน เล่าปี่ก็มาขวาง สิ่งที่ท่านควรทำคือพัฒนากองทัพ สะสมเสบียง ลดการเก็บส่วน ทำนุบำรุงบ้านเมือง ขอเพียงทำให้ภาคกลางร่มเย็นเป็นสุข ท่านจะมีอำนาจอยู่ในมือบารมีล้นฟ้า ใครก็มิอาจต้านทาน อีกสิบปีให้หลัง รอเหตุการณ์พลิกผัน ท่านจึงนำบัญชาฮ่องเต้ส่งกองทัพไปปราบแดนใต้ ย่อมได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่าย อาจไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ ปล่อยไปตามครรลอง ท่านจะได้ครองแผ่นดินทั้งหมด”
เป็นยอดนโยบายทั้งคู่เลยนะครับ ถ้ามาพิจารณากันละเอียด เล่าปี่ต้องเหนื่อยมากกว่าเพราะเขาเริ่มต้นจากศูนย์ เล่าปี่ตอนนั้นมีแต่ชื่อกับน้องสองคน แผนของมังกรหลับนับว่าใช้ได้ เล่าปี่มีดีกรีเป็นพระเจ้าอา แม้ว่าต้นทุนจะน้อยไปหน่อยแต่แบรนด์นับว่าแข็งแกร่งมาก เล่าปี่ดำเนินการตามแผนนี้ได้แค่ครึ่งเดียว ก็เกิดความผิดพลาดใหญ่หลวงเมื่อเสียเกงจิ๋ว เอาเข้าจริงการเสียเกงจิ๋วยังสามารถแก้ไขได้อยู่ แต่ด้วยความถือดีของเขาเอง ละเลยนโยบายหลักคือผูกมิตรซุนต่อต้านโจโฉ การแตกหักกับง่อก๊กจึงทำให้แผนของมังกรหลับพังทลาย
ตรงข้ามกับโจโฉ ตอนที่ได้ตัวสุมาอี้นั้นโจโฉมีอำนาจเต็มมือ ขาดเพียงการรวมแผ่นดินเท่านั้น ข้อได้เปรียบของสุมาอี้คือเขาวางแผนทีหลัง จึงเห็นจุดบกพร่องในแผนของจูกัดเหลียง นั่นคือตัวบุคคล แผนดีๆ ก็ล้มเหลวได้ เพราะมนุษย์ปุถุชนย่อมไม่เพอร์เฟ็ค สุมาอี้อ่านออกว่าพันธมิตรซุน-เล่า ก่อเกิดเพราะสถานการณ์ ไม่ใช่ด้วยความจริงใจ (แม้จูกัดเหลียงจะพยายามบิ้วเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ) ซักวันย่อมบาดหมาง เพียงแค่โจโฉอดทนรอตามแผน ย่อมกินรวบได้หมดแน่
ท้ายที่สุดแล้วทั้งสองนโยบายก็ไม่ได้เกิดผลตามแผนที่วางไว้ทั้งคู่ ต่างมีข้อผิดพลาดที่เกิดจากเหตุไม่คาดคิดและจากตัวบุคคลทั้งสิ้น สุดท้ายตระกูลสุมาจึงกลายเป็นตาอยู่คว้าเอาแผ่นดินไปครอง อันนี้ก็อดคิดไม่ได้อีกว่าแท้จริงแล้วสุมาอี้มีแผนเด็ดเก็บไว้ตั้งแต่แรกแล้วหรือเปล่านะ !?