ออกจากเคียงบกออกมาด้านข้าง เป็นถนนที่เต็มไปด้วยแกลอรี่ ดูตามแผนที่แล้วเขาว่ามันอยู่แถวๆ นี้ แต่ก็ยังหาไม่ยักเจอ พยายามเดินช้าๆ มองดูให้ละเอียดจนที่สุดก็เจอจนได้ แว้บแรกเล่นเอาอึ้งเล็กน้อยเพราะมันซ่อนตัวอยู่จนแทบมองไม่เห็น ดูไปดูมามันตึกแถวแคบๆ นี่หว่า ซุกตัวอยู่ในหลืบหนึ่ง ด้านล่างเป็นคอฟฟี่ช็อปแต่แหงนหน้าขึ้นไปก็จะเห็นคัตเอาท์รูปหน้ากากแอฟริกันอันเบ้อเริ่ม มั่นใจว่าถึงแล้วเว้ย
เดินมาจากวังเคียงบก ข้ามฝั่งถนนมาก็เจอร้านหนังสือเบ้อเริ่มเทิ่ม แต่ไม่ได้แวะเข้าไป
ตั้งแต่หัวถนนจะมีแกลอรี่เรียงรายตลอดทาง เป็นถนนสายศิลปะจริงๆ
อันนี้เป็นอีกแกลอรี่หนึ่งที่เท่มาก
ในซอยป้ายสีดำนั่นแหละคือ African Museum Art แทบมองไม่เห็น
เงยหน้าด้านบนจะเห็นคัตเอาท์รูปหน้ากากแอฟริกัน
ข้างๆ กันคือร้านกาแฟน่ารัก ใช้ถ่ายแบบด้วย เห็นในเน็ตเขาเอามาโปรโมท
ชื่ออย่างเป็นทางการของเขาคือ African Museum Art เดินขึ้นไปท่ามกลางความเงียบงัน สงสัยอยู่ว่ามันเปิดรึเปล่าวะ เข้าไปถึงตัวมิวเซียมก็ไม่มีใครเลย เก้ๆ กังๆ พักนึงก็มีสาวน้อยชุดแดงโผล่หน้ามา จับได้ว่าเขามองจากกล้อง CCTV เจราจากับแป๊บนึงก็จ่ายเงินค่าเข้าชม แล้วหล่อนก็เปิดไฟเปิดแอร์ให้ ประมาณว่ามันไม่มีคนมา จะเปิดไฟเปิดแอร์ทิ้งไว้ก็เปลือง อ้าว นี่กูมารบกวนเขารึเปล่านี่
ภายในกะทัดรัดมาก กะว่าเดินสิบห้านาทีก็หมด สาวชุดแดงก็พาเดินเข้ามาแนะนำโนนี่ แปลกใจที่เธอบอกว่าชมเสร็จแล้วให้เดินขึ้นไปชั้นบนต่อนะจ้ะ แล้วเธอก็จากไป
มิวเซียมที่นี่เป็นของอาจารย์ศิลปะท่านหนึ่ง จากที่คุยกับสาวชุดแดงได้ความว่าเป็นอาจารย์ที่บิ๊กพอสมควร เป็นคนที่หลงใหลได้ปลื้มกับงานศิลปะแอฟริกัน เลยสะสมขวนขวายมาได้มากมายจนเปิดเป็นมิวเซียม และก็เช่นเดิมคือได้รับความใส่ใจและการสนับสนุนจากทางการ ชิ้นงานส่วนใหญ่เป็นประติมากรรมทั้งจากไม้และจากโลหะ ก็เป็นสไตล์แอฟริกันที่เราคุ้นๆ กันคือเป็นภาพคนเสียส่วนใหญ่ มีรูปร่างและสัดส่วนที่แปลกตา บางชิ้นดูท่าทางจะเก่าพอดู มีชิ้นหนึ่งตรงทางเข้า ใหญ่มาก เป็นรูปสตรีแอฟริกัน ประดับประดาเสียสวยเชียว
ประติมากรรมโลหะรูปสตรีแอฟริกันขนาดมหึมายืนต้อนรับหน้ามิวเซียม
ภายในตกแต่งแบบธรรมดาๆ แต่ก็ดูเป็นระเบียบ
เสียดายที่ป้ายบรรยายเป็นภาษาเกาหลีทั้งหมด
อันนี้เป็นงานไม้ สังเกตดีๆ จะเห็นภาพรวมอย่างนึง …
มาถึงตรงนี้สาวเจ้าก็อายม้วนเพราะหลังคามันรั่ว ต้องเอาถังมารอง ดูบ้านๆ ดี
ถัดเข้ามาด้านในเจอกับภาพเขียนสีน้ำและลายเส้น สวยมากๆ เขาขายด้วยเห็นราคาแล้วก็สะดุ้ง ราคาหลักแสนวอนทั้งนั้น แต่สวยจริงๆ ลายเส้นง่ายๆ แต่ได้ใจความ มีอยู่ชิ้นหนึ่งเป็นภาพชุมชนที่ไหนซักที่ ลายเส้นงี้ละเอียดยิบเลย เขาใช้ปากกาหมึกซึมเส้นเล็กๆ เซียนมากๆ
คุยกับสาวสวยชุดแดงได้ความว่าเธอเป็นคนดูแลที่นี่และเป็นผู้ออกแบบการจัดแสดงทั้งหมด ว้าว…ดูแล้วอายุไม่น่าถึง ๓๐ ยิ้มตลอดเวลา หน้าแบบเกาลี้เกาหลี
เดินดูไปเรื่อยๆ ก็เจอะเข้ากับถังน้ำ !! คือหลังคามันรั่ว สาวเจ้าก็ยิ้มอายๆ ประมาณว่าอย่าไปสนใจมันเลยนะ ถามดูก็รู้ว่ากำลังหางบมาซ่อมอยู่ น่ารักดี จัดกันแบบง่ายๆ ใช้พื้นที่นิดเดียว แถมหลังคายังรั่วเสียอีก แต่ก็ให้อภัยจากความตั้งใจของเจ้าของมิวเซียมนี่แหละ
บันไดวนขึ้นไปดาดฟ้า ประดับด้วยโปสเตอร์งานแสดงศิลปะแอฟริกันบ้าง
คอนเสิร์ตบ้าง ชอบสีสันและลวดลายสไตล์แอฟริกัน ดูเป็นเอกลักษณ์
ขึ้นมาก็จ๊ะเอ๋กับออฟฟิศน่ารัก น่าอยู่เชียว ต่อเติมเป็นห้องแบบง่ายๆ
พื้นที่ที่เหลือก็ยังอุตส่าห์จัดแสดงผลงาน
ดูจนหมดแล้วก็เลยเดินซอกแซกไปเจอบันไดวนขึ้นไปดาดฟ้า ชั่งใจอยู่ว่าจะขึ้นไปดีมั้ยวะ ก็เธอบอกว่าให้ขึ้นไปนี่หว่า ก็เลยเปิดประตูดาดฟ้าโชะเข้าให้ โอ้โห … อึ้งเลย ดาดฟ้าเล็กๆ แห่งนั้นเป็นสถานที่ที่รู้สึกประทับใจมากๆ ตั้งแต่มาเกาหลีครั้งนี้
สาวชุดแดงยิ้มแฉ่งวิ่งเข้ามาต้อนรับ ตรงนี้เขาจัดสรรพื้นที่ไว้จัดแสดงงานอีกส่วนหนึ่ง เข้าใจว่ามันคงเต็มอ่ะนะ เลยเอามาไว้ดาดฟ้า แล้วก็ขึงผ้าใบทำเป็นเพิงแบบง่ายๆ มีที่นั่งตากลมสบายๆ ผมเลยนั่งชมวิวชมงานศิลปะต่อ ตรงนี้เป็นที่พบปะของบรรดาศิลปินทั้งชาวเกาหลีและชาวแอฟริกัน เพิ่งสังเกตว่าที่โซลมีคนผิวสีเยอะพอสมควร ดูในภาพที่ประดับก็เห็นว่าที่มิวเซียมแห่งนี้เป็นเหมือนแหล่งชุมนุมของคนคอเดียวกัน
แอบมองไปด้านในเขาก็ยังแบ่งพื้นที่ทำเป็นออฟฟิศและเข้าใจว่าก็ใช้เป็นที่พักด้วยซะเลย เจอสาวอีกคนหนึ่งกำลังเลี้ยงลูกเล็กอยู่ ออกมายิ้มแย้มทักทายบอกให้ทำตัวตามสบาย รู้สึกชอบบรรยากาศแบบนี้ที่ทำให้เหมือนมาเที่ยวบ้านเพื่อน ก็เลยทำตามสบายเต็มที่ พักนึงสาวชุดแดงก็ชงกาแฟมาให้ อวดว่าเป็นกาแฟมาจากริโอ เดอ จาเนโร เชียวนะ…ชิมดูแล้วหอมจริงๆ แฮะ แม้ว่าจะเป็นกาแฟสำเร็จรูปก็ตาม ผมเลยนั่งจิบกาแฟอ้อยอิ่งอยู่ตั้งนาน
ที่อยากให้ดูก็คืองานส่วนใหญ่จะว่าด้วยมนุษย์ แสดงนัยะทางเพศ
โดยเฉพาะการเล่นกับลึงก์และร่างเปลือย
ผมเข้าใจว่ามันน่าบอกถึงความสมบูรณ์ของแผ่นดินแอฟริกา
มิวเซียมที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่าไม่จำเป็นต้องใช้สถานที่หรูหราใหญ่โตเลย มีอาคารใหญ่ๆ มันก็ดี แต่มันจะขาดชีวิต อย่างที่นี่หรือที่อื่นๆ อย่างมิวเซียมกุ๊กไก่ มิวเซียมปมเชือก เล็กนิดเดียวแต่การต้อนรับการเอาใจใส่ผู้มาเยือน มันสร้างบรรยากาศที่ดี ทำให้คนดูก็รู้สึกผ่อนคลาย ไม่ใช่มาทัศนศึกษาเครียดๆ และที่สำคัญมันคือการแสดงความจริงใจและทุ่มเทของผู้สร้าง สิ่งเล็กๆ ที่ใครหลายคนอาจมองว่าไร้ค่า แต่มันคือสิ่งที่ล้ำค่าของใครบางคน เมื่อคิดถึงตรงนี้ก็ยิ่งประทับใจเข้าไปใหญ่
สาวเจ้ากำลังชงกาแฟหอมกรุ่น จากนั้นผมก็อ้อยอิ่งที่โซฟาตัวนี้แหละ
นั่งแล้วไม่อยากลุกจริงๆ บรรยากาศมันแสนสบายไม่น่าเชื่อว่าเป็นแค่ดาดฟ้าตึกแคบๆ
ภาพก่อนจาก สองสาวผู้ดูแลมิวเซียม
สาวชุดแดงนั่นเล่าว่าเธอเป็น Creator ของมิวเซียมนี้ (เก่งจัง)
พอจะกลับเธอยังอุตส่าห์เดินมาส่งถึงชั้นหนึ่ง
นั่งคุยกับสองสาวอีกพักใหญ่ ก็ขอชื่อเสียงเรียงนามและขอถ่ายรูป ทีแรกน่ะจะขอถ่ายสาวชุดแดงคนเดียว แต่ก็กระไรอยู่ เลยถ่ายมาคู่ซะเลย ก่อนจากก็ให้ url บล็อกไป บอกว่าจะกลับมาเขียนถึง ไม่รู้ป่านนี้เธอจะเปิดดูมั้ยเนี่ย เล่นดองข้ามปีซะขนาดนี้
ใครสนใจลองเข้าไปเยี่ยมเว็บไซต์ได้ที่ http://www.africarho.co.kr แต่เป็นภาษาเกาหลีนะ