ดร. ฮันนิบาล เล็คเตอร์ คุณหมอผู้พิสมัยรสชาติมนุษย์กลายมาเป็นซี่รี่ส์ ผลิตโดย NBC ออกฉายไปเมื่อต้นปี ๒๐๑๓ นี้เอง ได้รับความสนใจจากผู้ชมไม่น้อย โดยเฉพาะแฟนนานุแฟนของคุณหมอเล็คเตอร์ที่เฝ้าติดตามดูว่าจะทำออกมาได้เนียนเหมือนเวอร์ชั่นภาพยนตร์หรือไม่ ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ก็ให้การยอมรับว่าทำได้จิตสมใจ แม้ว่าจะต้องดัดแปลงเพื่อให้ลงตัวตามสไตล์ซี่รี่ส์ แต่โดยรวมแล้วถือว่าสอบผ่าน ยิ่งการแสดงของ Mads Mikkelsen ที่มารับบท ดร.เล็คเตอร์ ก็ถือว่าผ่านอย่างสบายๆ
ผมเพิ่งดูซีซั่นแรกจบหมาดๆ ตามความรู้ส่วนตัวสำหรับซีรี่ส์ชุดนี้ถือว่าได้รสชาติใหม่ๆ ที่ต่างไปจากความคุ้นเคยในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ทั้งสี่ตอน แม้จะรู้สึกว่ายังไม่อิ่มเท่าที่ควร หวังว่าซีซั่นต่อๆ ไปน่าจะทำให้ผมอิ่มได้เสียที นี่ล่ะคือข้อเสียของการดูซีรี่ส์
คนที่จะดู Hannibal the Series อาจจะแบ่งเป็นสองกลุ่มคือกลุ่มที่เคยดูฉบับภาพยนตร์มาก่อนแล้วกับกลุ่มที่ยังไม่เคย ทั้งสองกลุ่มต่างมีข้อดีข้อเสียกันไปคนละแบบ ใครที่รู้จัก ดร.เล็คเตอร์ มาก่อนแล้วก็จะพอเข้าใจพฤติกรรมของเขา และก็จะช่วยไม่ได้ที่จะเห็นหน้า Anthony Hopkins ลอยมาแต่ไกล ต้องใช้เวลาปรับตัวสักนิดถึงจะอินไปกับหนัง แล้วก็ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกขัดใจกับพฤติกรรมบางอย่างของตัวละครที่ “ไม่สุด” เสียที ซึ่งต้องทำใจนะครับว่านี่คือซีรี่ส์ จะรวบรัดฉับไวเหมือนหนังที่ยาวสองชั่วโมงไม่ได้หรอก
ฉาก ดร.เล็คเตอร์ กินอาหาร ที่หยิบเอาคาแร็คเตอร์เฉพาะของตัวละครตัวนี้มาหลอกล่อคนดูเสียอยู่หมัด
ส่วนกลุ่มคนที่ยังไม่เคยชมภาพยนตร์ แม้ว่าอาจจะพอได้ยินชื่อมาบ้าง การได้ดูซีรี่ส์ชุดนี้ก็จะช่วยเพิ่มความละเมียดในการเข้าถึงตัวละครได้ดี แต่ก็อาจจะไม่เข้าใจบางมุกที่แทรกเข้ามาเล็กน้อย เมื่อชมจบแล้วก็แนะนำว่าไปหา The Silence of the Lambs มาดู หรือจะดูให้ครบสี่ตอนเลยจะยิ่งดีมาก
ในซีรี่ส์นั้นไม่ได้เล่าถึงพฤติกรรมโหดๆ ของ ดร.เล็คเตอร์ อย่างในฉบับภาพยนตร์ แต่จะเล่าถึงตัวละคร วิล เกรแฮม เจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษที่มีสัมผัสพิเศษในการคลี่คลายคดี วิล ต้องจับมือกับ ดร.เล็คเตอร์ ในการไขปริศนาต่างๆ ในภาพยนตร์ตอนที่สาม Red Dragon ได้เล่าถึงตัวละครนี้เอาไว้เหมือนกัน
อธิบายอีกทีสำหรับใครที่ยังไม่เคยชมภาพยนตร์หรือชมไม่ครบ The Silence of the Lambs เป็นตอนแรกของหนังชุดนี้ ออกฉายเมื่อปี ๑๙๙๑ (กวาดออสการ์มาครอง ๕ ตัว) ตอนนี้ ดร.เล็คเตอร์ อยู่ในคุกแล้ว คอยช่วยนักสืบสตาร์ลิ่งไขคดีจนตอนท้ายหนีออกมาจากคุกได้ ตอนสอง Hannibal ออกฉายในปี ๒๐๐๑ เป็นการไล่ล่าตัวเขาหลังจากที่แหกคุกออกมาได้จากภาคแรก ตอนที่สาม Red Dragon ออกฉายในปี ๒๐๐๒ เล่าย้อนกลับไปว่าทำไม ดร.เล็คเตอร์ ถึงถูกจับได้จนต้องติดคุกในภาคแรก และสุดท้าย Hannibal Rising ออกฉายในปี ๒๐๐๖ เล่าย้อนไปถึงวัยเด็กของ ดร.เล็คเตอร์
เป็นอีกหนึ่งตอนสยอง ที่เห็นน่ะคือเห็ด .. แต่เห็ดมันงอกอยู่บนอะไร!?
ดังนั้นในซีรี่ส์จึงเป็นการเล่าเริ่มต้นในตอนที่สามของหนัง ในตอนที่ วิล เกรแฮม และคุณหมอ ยังเป็นมิตรที่ดีและช่วยกันสืบสวนคดี จนดำเนินมาถึงช่วงท้ายของซีซั่นที่เริ่มเปิดเผยพฤติกรรมที่แท้จริงของเขา และมีเพียงวิลที่รู้ความจริงแล้วว่าคนที่เขามาปรึกษาด้วยทุกบ่อยนั้นแท้จริงเป็นอย่างไร
ซีรี่ส์ชุดนี้ดำเนินเรื่องค่อนข้างอ้อยอิ่ง (ในความเห็นผม) เต็มไปด้วยบทสนทนา แต่ทั้งหมดจะเป็นการเผยให้เห็นความคิดของตัวละคร รวมถึงปูมหลังบางอย่างด้วย ยิ่งฉากที่ ดร.เล็คเตอร์ กับ วิล คุยกันนั้น คุณหมอขาโหดมักจะแอบแทรกคำถามที่พยายามเปิดปมในใจของวิลอยู่เรื่อยๆ ผมว่าที่เขาทำแบบเนิบๆ เพราะแต่ละตอนจะต่อเนื่องถึงกัน แม้จะมีหน้าหนังเป็นซี่รี่ส์แนวฆาตกรรม สืบสวน เหมือน CSI แต่ว่าดำเนินเรื่องต่อเนื่องเรื่อยๆ ขณะที่ CSI จะจบในตอน (เว้นบางตอน) คนดูจะค่อยๆ ซึมซับความรู้สึกนึกคิดของสองตัวละครหลักจนเข้าสู่ช่วงท้ายๆ นั่นล่ะถึงจะเข้มข้นแบบจริงๆ
ใครที่รู้จัก ดร.เล็คเตอร์ แล้ว เวลาดูซี่รี่ส์ชุดนี้อาจจะอดหงุดหงิดไม่ได้ เพราะคุณหมอแกไม่โหดเอาจริงเสียที เพราะซีรี่ส์ชุดนี้กำลังบอกเล่าถึงเหตุการณ์ก่อนที่ ดร.เล็คเตอร์ จะเริ่มก่ออาชญากรรมสยองขวัญ หลายคดีในซีซั่นนี้เขาไม่ได้ลงมือเอง เขาเป็นเหมือนผู้ชมที่มองดูอย่างสนใจใคร่รู้มากกว่า หนังเล่นเอาเถิดกับคนดูจากคาแร็คเตอร์นี้ เราจะเห็นหลายฉากที่เขาปรุงอาหาร กินอาหาร แนวคิดที่ว่า “เราต้องกินเพื่อเป็นการให้เกียรติ มิเช่นนั้นก็จะเป็นเพียงแค่การฆาตกรรม” ถูกใส่เข้ามาตลอดสามตอนแรก ฉากกินอาหารนี้ทำให้คนดูเดาไปเองว่าแม่งกินเนื้อใครอยู่วะ ซึ่งความสับสนและลูกเล่นที่ได้จากคาแร็คเตอร์นี้เป็นผลสำเร็จชิ้นเยี่ยมของซีรี่ส์ชุดนี้ นอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณหมอกับวิลทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่ามันออกแนว ‘วาย’ อยู่ยังไงชอบกล (วาย คืออะไร ไปหาคำตอบกันเองละกัน)
มุกถลกหนังกางปีกมีให้เห็นในหนัง The Silence of the Lambs ถูกนำมาใช้อีกในฉบับซีรี่ส์
ตัวละครที่น่าสงสารที่สุดเห็นจะเป็น วิล เกรแฮม ความจริงเขาป่วยนะครับ เราจะเห็นเขามีภาพหลอนอยู่หัวเสมอ บางครั้งก็มีอารมณ์เกรี้ยวกราด บางครั้งก็เย็นเป็นน้ำ เพราะเขามีสัมผัสพิเศษ (อันนี้ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ดูเหนือธรรมชาติเกินไป ต่างจากในหนังที่ดูจะอิงหลักจิตวิทยาและวิทยาศาสตร์มากกว่า) วิลสามารถคิดและสวมความคิดเป็นฆาตกรว่าคิดอย่างไร ทำอย่างไร ความสามารถนี้เองทำให้ แจ๊ค ครอว์ฟอร์ด ดึงเขามาทำงานภาคสนาม ทั้งที่เขาวางมือไปแล้วเพราะอาการป่วย อย่างในตอนที่ห้าเราจะเห็นวิลเดินละเมอและควบคุมตัวเองได้ลำบาก แสดงว่าอาการป่วยของเขายังไม่หายดี แล้วดันเสือกซวยที่จิตแพทย์เจ้าของไข้ดันชื่อ ฮันนิบาล เล็คเตอร์ ซะอีก
รอซีซั่นต่อๆ ไปของซี่รี่ส์ชุดนี้ครับ เดาได้ว่าจะเริ่มเข้มข้นและโหดขึ้นหลายเท่า ผมรู้สึกว่าซีรี่ส์ชุดนี้น่าจะได้เรตที่แรงกว่าซีรี่ส์อื่นๆ เพราะมีภาพโหดเยอะมาก ภาพศพที่หลายคนคงเบือนหน้าหนี แถมยังมีเรื่องของความรุนแรงในครอบครัวและเด็กเข้ามาเสริมอีก จึงไม่เหมาะสำหรับคนขวัญอ่อน แม้ว่าจะเป็นซีรี่ส์ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นเรื่องของ ดร.เล็คเตอร์ แล้ว จะโหดน้อยกว่านี้ได้อย่างไร
ใครที่สนใจลองเข้าไปชมได้จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ www.nbc.com/hannibal