Jack The Ripper … ผมเชื่อว่าชื่อนี้เป็นหนึ่งในชื่อที่คนทั่วโลกรู้จักเป็นอย่างดี ทั้งที่ตัวตนที่แท้จริงของเขายังคงเป็นปริศนา แต่ผู้คนทั่วโลกยังคงจดจำและรู้ซึ้งถึงความโหดเหี้ยม วิปริต จากผลงานฆาตกรรมของเขา แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานนับร้อยปี หากเทียบกับคดีฆาตกรรมหลายๆ คดีในยุคปัจจุบัน “แจ๊คจอมเชือด” อาจจะดูโหดน้อยไปถนัดตา แต่ปริศนาที่ยังแก้ไขไม่ออกของเขา ทำให้ แจ๊ค กลายเป็นคดีที่คลาสสิกที่สุดคดีหนึ่ง ของโลกเลยทีเดียว
มีหนังหลายเรื่องที่เอาเรื่องราวของ Jack The Ripper มาเป็นเค้าโครง อ้างถึง หรือแม้แต่เอาดัดแปลงเป็นเรื่องเป็นราว แน่นอนว่าทุกครั้งก็สร้างความน่าสนใจให้กับสาวก JTR จากที่ลองค้นดูในเน็ต ผมพบว่ามีการสร้างหนังหรือซีรี่ส์ที่เกี่ยวกับ JTR มากเกือบ ๓๐ เรื่องเลยทีเดียว มีทั้งดีทั้งห่วยปะปนไป ขนาดการ์ตูนเรื่องดัง โคนัน เจ้าหนูยอดนักสืบ ยังอุตส่าห์ เอาเรื่องของ JTR มาเป็นโครงเรื่องให้เจ้าหนูโคนันไขปริศนาเลย
จำได้ว่าครั้งหนึ่งนานมากแล้ว (๒๐ กว่าปี ก็คือสมัยผมเด็กๆ นั่นแหละ) ฟรีทีวีช่องหนึ่งเคยนำเอาซี่รี่ส์เรื่อง Jack the Ripper มาฉายตอนเย็นๆ ผมจำไม่ได้หรอกว่าใครเล่น อาจจะเป็นซีรี่ส์เมื่อปี ๑๙๘๘ นำแสดงโดย ไมเคิล เคน (รึเปล่า?) แต่จำได้แม่นว่าผมติดหนับเลย นั่นคือครั้งแรกที่ผมจดจำชื่อ ของแจ๊คจอมเชือดได้ติดหูติดตา
หนังเรื่องล่าสุดเกี่ยวกับ JTR ที่ค่อนข้างโด่งดังเห็นจะเป็น From Hell ในปี ๒๐๐๑ ที่ว่าโด่งดังคงเป็นเพราะเป็นหนังฮฮลลิวู้ดที่ใช้ทีมงานค่อนข้างใหญ่ นำแสดงโดยดาราแม่เหล็ก อย่าง จอห์นนี่ เดปป์ และ ฮีเธอร์ เกรแฮม แม้จะมีหลายเสียงวิจารณ์ว่าบิดเบือนข้อเท็จจริงไปบ้าง แต่ในแง่ของความบันเทิงแล้ว หนังเรื่องนี้ก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
From Hell เป็นผลงานการกำกับของสองพี่น้อง อัลเบิร์ต และ อัลเลน ฮิวจ์ส ดัดแปลงจากนิยายสยองขวัญแนวสืบสวนของ อลัน มัวร์ ว่ากันตรงๆ From Hell ไม่ได้พยายามที่จะไขคดีปริศนานี้ หากแต่นำเสนอทฤษฎีตามความเชื่อของเจ้าของบทประพันธ์ว่าใครกันแน่คือ แจ๊ค มีการสร้างตัวละครเพื่อดำเนินเรื่องอย่างน่าติดตาม สร้างปมประเด็นต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ที่ผู้คนสงสัยมานาน สรุปแล้ว From Hell ก็คือนิยายสืบสวนเรื่องหนึ่งที่อ้างอิงจากเรื่องจริงในประวัติศาสตร์ ทำนองเดียวกับ Da Vinci Code แต่อาจจะไม่เกิดเป็นประเด็นขัดแย้งที่รุนแรงเท่า และทั้งในตัวนิยายและหนังเองก็ให้บทสรุปที่ชัดเจนว่าใครคือ แจ๊ค ส่วนที่เหลือก็คือการบ้านที่ผู้ชมจะต้องไปขบคิดและตัดสินใจเอาเองว่าจะเชื่อหรือไม่
ในความเป็นจริงนั้น คำถามที่ว่าใครคือ แจ๊คจอมเชือด มีคำตอบมากมายหลายทฤษฎี บ้างก็ว่าเป็นพ่อค้าเนื้อ เป็นชาวยิวที่วิปริต เป็นนายแพทย์ผู้บ้าคลั่ง บางทฤษฎีถึงกับว่าเขาเป็นราชนิกูลระดับสูง ซึ่งตีความได้ว่าอาจหมายถึงเจ้าชายอัลเบิร์ต วิคตอร์ หลานคนโปรดของควีนวิคตอเรีย มีบันทึกไว้ว่าพระองค์โปรดปรานการเที่ยวโสเภณีและอาจติดโรคมาจากการนี้
เดปป์ กับอีกหนึ่งบทบาทที่โคตรเซอร์และโทรม
สารวัตรแอ๊บเบอร์ไลน์ (เดปป์) นักสืบซึมเศร้าที่เพิ่งสูญเสียภรรยาและลูก วันๆ เอาแต่สูบฝิ่นแก้เซ็งต้องเข้ามาไขคดีที่กำลังสร้างความตื่นตระหนกไปทั่วกรุงลอนดอน หนังสร้างจินตนาการให้แอ๊บเลอร์ไลน์มีลางสังหรณ์พิเศษถึงคดีนี้ ซึ่งแท้จริงแล้วเราอาจเดาได้ว่าแท้จริงมันก็คือภาพหลอนจากพิษของฝิ่นที่เขาสูบจนติดงอมแงม ศพแรกที่เขาพบก็สร้างความสะเทือนขวัญไม่น้อย โสเภณีข้างถนนถูกฆ่าด้วยการเชือดคอ จ้วงแทงไม่ยั้ง แถมยังถูกชำแหละ โดยเฉพาะช่วงล่างของศพที่ถูกเฉือนเสียเละเทะ ขนาดที่แพทย์ชันสูตรต้องอ้วกแตก จากนั้นศพที่สอง ที่สาม ก็ตามมาติดๆ
เกรแฮม ในบทโสเภณีข้างถนน … คุณว่าเธอสวยไหมล่ะ
แมรี่ เคลลี่ (เกรแฮม) รับบทโสเภณีสาวสวย เธอสวยเสียจนไม่น่าเชื่อว่าจะมาเป็นโสเภณี ผมว่าทีมงานคัดเลือกนักแสดงพลาดอย่างแรงที่เลือก เกรแฮม มารับบทนี้ แถมในหนังก็มีเธอคนเดียวที่ไม่เคยรับแขก เข้าทำนองนางเอกผู้แสนดี เธอเข้ามาพัวพันกับคดีนี้เพราะเหยื่อรายก่อนๆ เป็นเพื่อนของเธอทั้งสิ้น และตอนท้ายเรื่องคนดูต้องนั่งลุ้นแทบตายว่าตกลงเธอจะกลายเป็นหนึ่งในเหยื่อของแจ๊ครึไม่ ขอบอกว่าสยองได้ใจ
แม้หนังจะระบุชัดเจนว่าใครคือแจ๊ค แต่ผมชอบตรงที่เขาไม่ได้บอกโต้งๆ ว่าเกี่ยวข้องกับราชนิกูลพระองค์ใด ที่จริงก็บอกล่ะนะ แต่หนังก็ฉลาดพอที่จะบอกเป็นนัยให้คนดูรู้และเข้าใจ อย่างเช่นฉากหนึ่งที่มีการสนทนาของนายแพทย์กับสตรีสูงศักดิ์ผู้หนึ่งที่ไม่ได้บอกว่าเธอเป็นใคร แต่นายแพทย์คู่สนทนาใช้คำราชาศัพท์ หรือฉากที่ แอ๊บเบอร์ไลน์ พา เคลลี่ ไปดูภาพเขียนในพิพิธภัณฑ์ ก่อนที่กล้องจะซูมไปที่คำบรรยายใต้รูป พร้อมแพนไปที่คนในภาพ ซึ่งก็คือสตรีผู้สูงศักดิ์ที่กล่าวมาข้างต้น นอกจากนี้ยังมีการโยงเอากลุ่มฟรีเมสัน (Freemason) องค์กรลับที่ทรงอิทธิพลในยุคนั้น ประกอบไปด้วยผู้รู้ นักปราชญ์ นักคิดหัวก้าวหน้า เอามาผูกเข้ากับคดีของแจ๊คได้อย่างน่าสนใจ และยังช่วยตอกย้ำคำเฉลยในตอนท้ายเรื่องให้น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น
From Hell มาจากคำลงท้ายของจดหมายที่แจ๊คเขียนถึงตำรวจทำนองเย้ยหยัน เนื้อความในจดหมายเล่าว่าเขาชื่นชมและพิสมัยการฆาตกรรมอย่างไรบ้าง จดหมายฉบับนั้นเขียนด้วยหมึกสีแดง ซึ่งแจ๊คเล่าว่าจริงๆ แล้วเขาสะสมเลือดของเหยื่อเอาไว้ โดยหวังจะเอามาใช้แทนหมึกเขียนจดหมาย แต่มันดันข้นเสียจนใช้เขียนไม่ได้ เลยต้องใช้หมึกสีแดงแทน แถมยังส่งชิ้นส่วนบางชิ้นของเหยื่อมาเป็นของที่ระลึกให้อีกด้วย…เล่นเอาอึ้งกันไปทั้งกรม
ผมคงไม่เฉลยว่าใครคือแจ๊คจอมเชือด หากสนใจคงต้องไปตามหาดูกันเอง แต่ขอบอกว่าอย่าไปเชื่อหนังมากนัก From Hell เป็นเรื่องหนึ่งที่นำเสนอหนึ่งในหลายทฤษฎีที่ว่าใครคือ แจ๊ค ทั้งที่ความจริงนั้นยังไม่มีข้อสรุปที่ชี้ชัดว่าเขาคือใครกันแน่ ดูเอาสนุกเถิดครับ ผมให้ 3 ดาวครึ่งเลยล่ะ
ป.ล. ไว้ถ้ามีเวลาจะเขียนสรุปถึง Jack the Ripper จากข้อมูลทั้งหมดที่มีครับ