ไม่นานมานี้มีโอกาสได้ชมภาพยนตร์เก่าๆ ทางช่องเคเบิ้ลเรื่อง “The Devil’s Own” หนังเรื่องนี้ออกฉายในปี ๑๙๙๗ ไม่ค่อยจะทำเงินมากนัก แต่ว่าเนื้อหานั้นเข้มข้นใช้ได้เลยทีเดียว ในบ้านเราก็นับว่าทำเงินไปได้พอควร เพราะแรงส่งจากความฮอตของ แบรด พิตต์ ในตอนนั้น บวกกับบารมีของ แฮร์ริสัน ฟอร์ด ที่คอหนังบ้านเรายังเชื่อในในฝีมืออยู่ จำได้ว่าได้ไปชมในโรงซะด้วยและคนดูก็มีไม่น้อยแต่ก็ไม่ถึงกับเต็มความจุ เพราะหนังออกแนวจริงจังซึ่งคงไม่ถูกรสนิยมคนบ้านเราเท่าไหร่
The Devil’s Own ว่าด้วยเรื่องราวของความขัดแย้งของไอร์แลนด์เหนือกับอังกฤษ ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนของทั้งสองฝ่ายซึ่งจบลงด้วยความสูญเสีย แฟร้งกี้ (พิตต์) หนุ่มชาวไอริชที่เห็นพ่อถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาจนกลายเป็นความแค้นฝังใจ เขาเข้าร่วมกับขบวนการกู้ชาติไอริชและกลายเป็นบุคคลที่รัฐบาลอังกฤษต้องการตัวเป็นอย่างยิ่ง แฟร้งกี้เดินทางมายังอเมริกาไม่ใช่เพียงหลบซ่อนตัวเท่านั้น แต่เพื่อติดต่อซื้อจรวดสตริงเกอร์หวังจะมาใช้ต่อสู้กับกองทัพอังกฤษ ชีวิตในอเมริกาที่แตกต่างจากชีวิตในเบลฟาสต์อย่างสิ้นเชิง ซึ่งมันอาจทำให้จิตใจของแฟร้งกี้อ่อนโยนลงหรือในทางกลับกัน มันยิ่งช่วยเร่งเร้าให้เขาพยายามปฏิบัติภาระกิจให้สำเร็จ เพื่อให้ไอร์แลนด์เหนือสงบสุขเหมือนในอเมริกาให้ได้
บรรยากาศกรุงเบลฟาสต์ ช่วงปี ๑๙๖๙ ที่มีทหารคอยลาดตระเวน
ภาพจาก Time Magazine
แฟร้งกี้เป็นพวกสายเหยี่ยวในกองทัพไอริช คือเป็นพวกที่เชื่อมั่นว่า “อำนาจรัฐจักได้มาด้วยกระบอกปืน” รัฐบาลอังกฤษไม่มีทางยอมปล่อยไอร์แลนด์เหนือให้เป็นอิสระแต่ เรื่องการเจรจานั้นไม่ต้องพูดถึง ความรุนแรงต้องยุติด้วยความรุนแรง ซึ่งหากไอร์แลนด์เหนือแสดงให้โลกเห็นว่าพวกเขามีพลานุภาพมากเพียงใดก็เป็นไปได้ที่อังกฤษจะยอมหันมาเจรจากับพวกเขาบ้าง นโยบายของพวกเขาไม่ต่างกับขบวนการก่อการร้ายกลุ่มอื่น ๆ ที่มักจะใช้ความรุนแรงแสดงพลังของกลุ่มเพื่อให้โลกหันมามองพวกเขามากกว่าที่เป็นอยู่
ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสองประเทศนี้ยืดเยื้อมายาวนาวกว่า ๘๐๐ ปี สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ ในปัจจุบันหรือ United Kingdom of Great Britain and Northern Ireland หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า สหราชอาณาจักร ประกอบด้วย ๔ ประเทศ คือ อังกฤษ สก็อตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งก็น่าแปลกที่ไอร์แลนด์เหนือนั้นมีพื้นที่ติดกับสาธารณรัฐไอร์แลนด์ที่เป็นเกาะและแยกประเทศออกมาจากสหราชอาณาจักร แต่ไอร์แลนด์เหนือกลับยังถูกปกครองโดยอังกฤษอยู่เหมือนเมื่อ ๘๐๐ กว่าปีที่ผ่านมา
ช่วงศตวรรษที่ ๑๑ อังกฤษ จัดเป็นพี่เบิ้มของยุโรปหรืออาจจะของโลกก็ว่าได้ พวกเขาเข้ายึดครองดินแดนบริเวณเกาะอังกฤษในปัจจุบันรวมถึงเกาะไอร์แลนด์ด้วย พวกอังกฤษมีนโยบายในการกลืนกินชาติพันธุ์ของประเทศราชเหล่านี้โดยการให้ชาวอังกฤษไปมีสัมพันธ์กับหญิงชาวเมืองขึ้นเพื่อให้มีลูกหลานที่มีเชื้อสายอังกฤษสืบทอดไปเรื่อยๆ และยังรวมถึงการนำเอาขนบธรรมเนียมของพวกตนเข้ามาแทนที่ (เหมือนอย่างในภาพยนตร์เรื่อง Braveheart ที่ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ที่ ๑ ออกกฎให้ขุนนางอังกฤษสามารถเปิดบริสุทธิ์เจ้าสาวชาวสก็อตที่อยู่ในที่ดินของตนได้) การคุกคามและหลู่เกียรติของพวกอังกฤษสร้างความชิงชังเหลือประมาณให้กับประเทศเมืองขึ้นทั้งหลายจนก่อให้เกิดสงครามหลายต่อหลายครั้ง แต่ด้วยแสนยานุภาพทางการเงินและทางการทหาร ทำให้ชัยชนะมักจะตกเป็นของฝ่ายอังกฤษร่ำไป
ในรัชสมัยพระเจ้าเฮนรี่ที่ ๘ ความขัดแย้งของสองชนชาติเปลี่ยนประเด็นไปในเรื่องของศาสนา เมื่อพระองค์ต้องการนำเอา นิกายอังกลิคัน (Anglicanism) เข้ามาเป็นศาสนาประจำชาติของไอร์แลนด์ ทั้งที่ผู้คนที่นี่ส่วนใหญ่เป็นชาวคาทอลิกที่เคร่งครัด นอกจากความคับแค้นในการต้องตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ความเชื่อทางศาสนาก็ยังถูกย่ำยีเข้าอีก ทำให้ชาวไอริชเริ่มลุกขึ้นมาต่อสู้กับอังกฤษมากขึ้น
ปี ๑๕๙๘ กลุ่มขุนนางชาวไอริชรวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับพวกอังกฤษแต่ก็พ่ายแพ้อย่างยับเยิน จากเหตุการณ์นี้ทำให้อังกฤษเริ่มไม่ไว้ใจไอร์แลนด์ถึงกับส่งคนจากรัฐบาลกลางมาปกครองไอร์แลนด์ แต่ชาวไอริชก็มักจะสร้างความวุ่นวายเพื่อก่อกวนอยู่เสมอ ๆ จนในสมัยพระเจ้าเจมส์ที่ ๒ ก็เริ่มมีการหลั่งไหลของประชากรจากเกาะบริเตนเข้ามายังเกาะไอร์แลนด์มากขึ้น จนทำให้สัดส่วนของผู้ที่นับถือโปแตสแตนท์กลับเพิ่มมากขึ้นทดแทนชาวคาทอลิกที่อยู่มาแต่ก่อนถึงเท่าตัว ชาวไอริชต้องตกอยู่ภายในอาณัติของอังกฤษอยู่อีกนานเป็นร้อยๆ ปี ซึ่งพวกเขาก็ไม่ต่างอะไรจากการเป็นทาสทั้งประเทศ ไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงใด ๆ ไม่มีแม้กระทั่งกรรมสิทธิ์ในการถือครองที่ดินและบ้านของตัวเอง ในช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรม ชาวไอริชที่ยากจนอยู่แล้วก็ยิ่งยากจนลงไปอีก ประชากรส่วนใหญ่ต้องอพยพไปเป็นคนงานในโรงงานบนแผ่นดินใหญ่
ปี ๑๙๑๙ หนุ่มวัย ๒๙ ที่ชื่อ ไมเคิล คอลลินส์ ร่วมมือกับพรรคพวกก่อตั้ง กองทัพสาธารณรัฐไอริช I.R.A. (The Irish Republican Army) พวกเขาทำทุกวิถีทางเพื่อปลดแอกประเทศออกจากการปกครองของอังกฤษ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะใช้ยุทธวิธีแบบกองโจรสร้างความปั่นป่วนไปทั้งเกาะ เหตุการณ์ความวุ่นวายมีทั้งที่รุนแรงและบางครั้งก็มีการตั้งโต๊ะเจรจา แต่แล้วในปี ๑๙๖๙ ก็เกิดเหตุนองเลือดครั้งใหญ่ เป็นการปะทะกันระหว่างชาวโปแตสแตนท์กับคาทอลิก เพียงวันเดียวก็มีผู้บาดเจ็บกว่า ๓๐๐ ราย จนรัฐบาลอังกฤษต้องออกมาปราบปรามอย่างรุนแรงและเด็ดขาด ทำให้ I.R.A. ออกปฏิบัติการตอบโต้ด้วยความรุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิม
Michael Collins ผู้นำกองทัพ I.R.A.
การตอบโต้ความรุนแรงด้วยความรุนแรงก็เป็นคติประจำใจของ แฟร้งกี้ เช่นกัน ด้วยความที่เผชิญกับความรุนแรงมาตั้งแต่เด็ก (เห็นพ่อถูกยิงตายต่อหน้า) ต้องถือปืนออกรบกับพวกทหารอังกฤษ มึงยิงมากูยิงไป แต่ที่อเมริกา เมื่อแฟร้งกี้มาอาศัยอยู่กับครอบครัว โอเมียร่า ที่มี ทอม (ฟอร์ด) เป็นหัวหน้าครอบครัวผู้แสนดี เขาถึงได้กลับมาสัมผัสสิ่งที่เรียกว่า “ครอบครัว” อีกครั้ง ทอม เป็นนายตำรวจที่ซื่อตรงทำหน้าที่อย่างเคร่งครัดตรงไปตรงมาตลอด ให้ความรักและเอ็นดูแฟร้งกี้เป็นเหมือนสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว ในทางกลับกัน แฟร้งกี้ก็รักและเคารพทอมเหมือนเป็นพ่อแท้ ๆ ของเขา
แม้ชีวิตในอเมริกาจะสงบสุขเพียงใด แต่แฟร้งกี้ก็ไม่เคยลืมเพื่อนพ้องที่เบลฟาสต์ การเจรจาซื้อจรวดเกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง แฟร้งกี้ขอเลื่อนการซื้อขายออกไปก่อน แต่กลับถูกปฏิเสธจากนายหน้าค้าอาวุธแถมยังจับตัวเพื่อนซี้ของเขาเป็นตัวประกันอีก งานนี้แฟร้งกี้มีหรือจะยอมได้ เขารีบรุดไปช่วยเพื่อนทันที แต่ในเวลาเดียวกันนั้น ทอม ก็ได้รู้ความจริงว่าหนุ่มน้อยผู้มาอาศัยเป็นใคร แว้บแรกที่รู้เราจะได้เห็นถึงแววตาที่อาบไปด้วยความผิดหวัง ทอมรู้สึกสับสนทำอะไรไม่ถูก ลึก ๆ ในใจแล้วทอมยังเชื่อมั่นว่าแฟร้งกี้เป็นเพียงเด็กที่หลงทาง ยังมีโอกาสกลับตัวเป็นคนดี น่าเสียดายที่จุดจบสุดท้ายมันไม่แฮปปี้เอ็นดิ้ง
ตอนท้ายเรื่องคนสองวัยที่ยืนอยู่บนความเชื่อคนละขั้วต้องชักปืนเข้าใส่ฝ่ายตรงข้าม ไม่มีฝ่ายไหนอยากให้อีกฝ่ายนึงต้องเจ็บ และสุดท้ายชีวิตของแฟร้งกี้มันก็ไม่ได้จบลงอย่างมีความสุขเหมือนอย่างที่เขาบอกทอมจริง ๆ
สงครามและความขัดแย้งไม่ได้ก่อให้เกิดผลดีแก่ใครทั้งสิ้น มีแต่ความสูญเสีย เสียคนที่เรารัก พ่อของใครสักคน ลูกชายของใครสักคน แต่ถึงวันนี้ความขัดแย้งก็ยังไม่ยุติ แม้ I.R.A. จะประกาศยุติบทบาทลงไปแล้ว แต่มันจะสงบลงได้อีกนานแค่ไหน ในเมื่อพวกเขายังคงอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษหรือมันอาจเป็นเพียงผิวน้ำที่ดูสงบนิ่ง แต่ข้างใต้คลื่นลูกใหญ่กำลังก่อตัวขึ้นกันแน่
คิดแล้วก็หวนนึกถึงบ้านเรา ประเทศเดียวกันแท้ๆ แต่กลับไม่ปรองดองกัน คนที่เห็นต่างก็คือศัตรู อีกหน่อยคงได้แบ่งประเทศกันเป็นสองขั้วเหมือนอย่างเกาหลีหรือเยอรมันในอดีตนั่นกระมัง
ข้อมูลภาพยนตร์ : The Devil’s Own (1997)
กำกับการแสดง : Alan J. Pakula
นำแสดง : Harrison Ford, Brad Pitt, Natascha McElhone