อดทนรอโอกาสที่เหมาะสม สถานการณ์ย่อมเปลี่ยนแปลง
การรบที่ยิ่งใหญ่และเป็นที่กล่าวขานมากที่สุดครั้งหนึ่งในสามก๊ก คือ ยุทธการกัวต๋อ เป็นการรบกันระหว่าง โจโฉ กับ อ้วนเสี้ยว เป็นการรบที่ใครๆ เห็นแล้วต้องร้องว่าโจโฉตายแน่ๆ เพราะหากเทียบจำนวนไพร่พลกันแล้ว โจโฉมีทหาร แต่โจโฉก็แสดงให้เห็นว่าทำไมเขาถึงได้ชื่อว่านักการทหารที่เก่งระดับเซียนเรียกพ่อ
ในการรบครั้งนี้ทัพโจโฉเสียเปรียบตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่ม รบกันไปได้เดือนหนึ่ง โจโฉก็ลังเลว่าจะเอาไงดี นับจำนวนทหารแล้วก็ด้อยกว่าอ้วนเสียวถึงสิบเท่า เสบียงก็ร่อยหรอลงทุกที ตั้งทัพยันอ้วนเสี้ยวมาได้เดือนหนึ่งแต่ก็ยังไม่มีผลอะไร ฮูโต๋ก็ว่างเปล่า หากอ้วนเสี้ยวแบ่งกำลังไปตีคงเสียฮูโต๋เป็นแน่ โจโฉจึงคิดจะถอยทัพ เสนาธิการเล่าหัวจึงแย้งว่า “ท่านลองตรองดู กองทัพเราเจ็ดหมื่นตั้งรับกองทัพอ้วนเสี้ยวถึงเจ็ดสิบหมื่นอยู่ที่กัวต๋อได้ถึงหนึ่งเดือน แม้เราจะยังไม่ชนะแต่กองทัพอ้วนเสี้ยวก็ชิงพื้นที่จากเราไม่ได้นี่มิใช่หมายความว่ากองทัพอ้วนเสี้ยวไม่มีน้ำยาหรอกหรือ”
สักพักก็มีสารมาจากซูนฮกส่ง EMS มาจากฮูโต๋ แนะนำว่า “อ้วนเสี้ยวยกทัพเจ็ดสิบหมื่นมาหวังจะทำการรบชี้ขาด ท่านใช้ทัพเล็กต้านทัพใหญ่ หากไม่เพลี่ยงพล้ำ ต่อไปย่อมชนะ กองทัพอ้วนเสี้ยวมากแต่อ่อนประสบการณ์ ไม่อาจรับมือกลยุทธ์ของท่านได้ หากทัพฝ่ายเรายึดที่ค้ำคอมันไว้ไม่ให้มันคืบหน้าได้ สถานการณ์ย่อมเปลี่ยนแปลง นั่นคือโอกาสทอง” ได้รับคำแนะนำจากสองกุนซือ โจโฉจึงได้สติและมีกำลังใจ เริ่มวางแผนชิงเสบียงจากอ้วนเสี้ยวและใช้กลวิธีปลุกใจทหาร ซึ่งต่อมาไม่นานนักฝ่ายที่พลาดท่าก่อนคืออ้วนเสี้ยว และผลการรบก็นับว่าหักปากกาเซียน
ความประมาทคือหนทางแห่งความวิบัติ
ทัพอ้วนเสี้ยวเจ็ดสิบหมื่นคึกคะนองสุดกำลัง คิดว่าจะขย้ำทัพเล็กของโจโฉได้สะดวกตีนเป็นแน่ แต่เพราะกลวิธีของอ้วนเสี้ยวที่ผิดพลาด แม้จะล้อมโจโฉไว้ได้นานเป็นเดือนแต่ก็ยังไม่สามารถบุกเอาชัยได้เหมือนที่เล่าหัวว่าไว้ไม่ผิด นานวันเข้าวินัยก็เริ่มหย่อนยาน อีกทั้งจำนวนไพร่พลที่มากทำให้การปกครองเป็นไปไม่ทั่วถึง ที่สำคัญเหนืออื่นใดอ้วนเสี้ยวยังบริหารงานผิดพลาด โดยการใช้คนไม่ตรงกับงาน
เริ่มจากใช้ฮันเบ๋งขุนพลชาญศึกแต่ไร้ปัญญาคุมเสบียงมาส่ง ฮันเบ๋งแม้จะเก่งกาจแต่ก็ไม่รอบคอบ สุดท้ายก็โดนซิหลงชิงเสบียงไปได้ หลังแพ้ศึกกลับไป อ้วนเสี้ยวสั่งประหารฮันเบ๋งทันที ดีที่แม่ทัพนายกองขอชีวิตไว้ ความจริงไม่ใช่ความผิดของฮันเบ๋งเสียทั้งหมด รู้ทั้งรู้ว่าโจโฉเสบียงหมด จ้องจะชิงเสบียงอยู่ตลอด แต่อ้วนเสี้ยวก็ยังจะส่งนายทหารที่เก่งแต่ใช้กำลังมากกว่าปัญญาไปคุมเสบียง พอเสียทีกลับมาก็สั่งตัดหัวเขาซะงั้น
ยังไม่ทันไร อ้วนเสี้ยวก็ส่งอิเขงไปคุมเสบียงที่กัวเจ๋า ไอ้เจ้าอิเขงนี่เป็นปีศาจสุราขี้เมา ประมาทเลินเล่อ ประกอบกับเขาฮิวกุนซือฝั่งอ้วนเสี้ยวก็แปรพักตรืไปหาโจโฉ เพราะเจ็บใจที่อ้วนเสี้ยวไม่ฟังคำแนะนำของตน กลายเป็นว่าเขาฮิวส่งข่าวนี้ให้โจโฉรู้ จึงสามารถเผาค่ายปล้นเสบียง ทำให้ทัพอ้วนเสี้ยววุ่นวายแลัเสียขวัญ จนท้ายสุดก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทั้งที่ตอนเริ่มเกมนั้นมีทหารมากกว่าถึงสิบเท่า
ทั้งหมดนี้แม้จะดูเหมือนเป็นโชคดีของโจโฉ แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะความไม่เอาไหนของอ้วนเสี้ยวที่โลเล ตัดสินใจไม่เด็ดขาด จะบุกก็ไม่ทุ่มกำลัง จะล้อมก็ไม่รอบคอบ แถมใช้คนมั่วซั่ว ใครที่ถูกใจก็เชื่อคนนั้น คนที่ภักดีก็ละเลย และที่สำคัญคือความประมาท คิดว่าฝ่ายตนเหนือกว่าจนดูแคลนความสามารถของโจโฉ ทั้งที่แต่เดิมทั้งคู่ต่างเคยร่วมงานกันมาก่อนแล้วแท้ๆ
เช่นนี้คือตัวอย่างที่ดีของความเลิ่นเล่อ ประมาท และดูแคลนฝ่ายตรงข้าม ยิ่งในยุคนี้สมัยนี้ แม้คู่ต่อสู้จะดูด้อยกว่าเรา แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าเราจะเหนือกว่าเขาจริง มีดเราคมและของเขาไม่คมหรือไร บางทีมีดเขาอาจจะคมกว่าเราด้วยซ้ำ