ผมไม่รู้ว่าคนเราอยู่ดีๆ จะบ้าได้ไหม หรือจะต้องบ้ากันมาแต่กำเนิด แล้วบ้ากับไม่บ้านี่เขาวัดด้วยอะไรกันแน่
ผมจำไม่ได้ว่าเจอคนบ้าจริงจังเอาตอนไหน แต่จำคนบ้าคนหนึ่งได้แม่นเลย จนวันนี้ผมก็ไม่รู้ว่าแกบ้าจริงๆ รึเปล่า หรือแกถูกเรียกว่าคนบ้าเพราะสังคมกำหนดให้เป็น ผมไม่รู้ชื่อของแกหรอก แต่คนแถวบ้านเรียกกันว่า ยายบ้า แกอาจจะอายุไม่มากนัก แต่ด้วยสภาพที่สุดโทรมทำให้ดูเหมือนว่าแกอายุมากขนาดเรียกว่ายายได้
ยายบ้ามีที่มาที่ไปจากไหนผมเองก็ไม่รู้ จำได้ว่าเด็กๆ แถวนั้นจะกลัวกันทุกคน แต่ผมกลับเฉยๆ ภาพที่เห็นประจำคือแกจะนั่งที่แหมะตรงปากซอย แม่ค้าแถวนั้นก็คุ้นเคยกันดีทุกคน แกจะนั่งกินผัดซีอิ๊วเส้นใหญ่อยู่ที่เดิมและกินแบบเดิมด้วยทุกครั้ง แกไม่ได้ขอเงินใครและก็ไม่เห็นจะมีใครให้เงินแก ผมก็ไม่รู้ว่าเจ้าของร้านเขาทำให้กินด้วยความสงสารหรือแกไปซื้อกินเอง ถ้าเช่นนั้นแล้วแกเอาเงินมาจากไหนผมก็ยังสงสัยอยู่

ตรงปากซอยที่แกนั่งนั้นออกจะสกปรกอยู่มาก แต่แกก็ไม่ได้ใส่ใจด้วยความที่ตาบอดด้วย แกจะมีไม้เท้าอันหนึ่งเป็นเครื่องนำทาง เพราะตาบอดนี่กระมังที่ทำให้สภาพของแกดูมอมแมม และเมื่อมองไม่เห็นแกก็เลยไม่ได้แยแสต่อความสกปรกรอบกาย พอกินอิ่มแกก็นั่งพูดอยู่คนเดียว บางทีก็ร้องเพลงอะไรซักอย่างที่ไม่มีใครฟังออก บางทีก็โวยวายตวาดคนที่เดินผ่าน เหนื่อยนักก็หลับมันตรงนั้น ไม่มีใครสนใจแกเท่าไหร่ขนาดที่ว่าแกกลับไปตอนไหนก็ไม่มีใครรู้
คนแถวนั้นเรียกแกว่ายายบ้าเพราะอะไรผมก็ไม่รู้ ผมเคยได้ยินผู้ใหญ่เล่าวว่าแกอยู่คนเดียว ผัวตายไปแล้ว เห็นว่าอาศัยอยู่ในซอยข้างๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าส่วนไหน นอกนั้นก็ไม่มีใครสนใจนัก เพราะกลัวปากแก แกนั่งด่าโน่นนี่ไปได้เรื่อยเปื่อย แม้กระทั่งคนที่เดินผ่านมาใกล้ๆ ทั้งที่มองไม่เห็นแท้ๆ ก็ยังอุตส่าห์ด่าเขาได้
นอกจากยายบ้าแล้วในซอยยังมีคนบ้าอีกคนหนึ่ง จริงๆ น่าจะเรียกขี้เมามากกว่าคนบ้า เพราะเขาจะเมาตลอดเวลาจนพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องแล้วก็ยังปล่อยตัวมอมแมมเสียอีก อาจจะเมาจนบ้าก็ได้กระมัง คนแถวนั้นเรียกว่า ไอ้ช้าง คงเพราะเป็นคนแบบนี้ทุกคนจึงเติมคำว่า ‘ไอ้’ ให้นำหน้าชื่อกันอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งไอ้ช้างก็ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร
ไอ้ช้างทำมาหากินด้วยการเป็นจับกังในตลาด ผมก็ยังงงๆ ว่าเมาแบบนั้นจะไปทำอะไรได้กี่มากน้อย ผู้ใหญ่บางคนบอกว่ามันจะตื่นแต่เช้าไปรับจ้างขนของในตลาด พอได้ค่าแรงมาถึงค่อยมาลงขวดเหล้า เป็นแบบนี้ทุกวันไป ตอนนั้นน่าจะยังไม่แก่นัก ผมว่าไม่น่าจะเกินสามสิบด้วยซ้ำ ช้างมักจะถอดเสื้อเดินไปเดินมาในซอย บางทีก็ใส่เสื้อกล้ามซกมกที่ขาดเสียจนไม่ต้องใส่ก็น่าจะดีกว่า
แม่เล่าว่าช้างอาศัยกินข้าววัดแล้วก็นอนอยู่หลังวัดนี่เอง นานๆ จะป่วนพระให้วุ่นวายซักทีเมื่อฤทธิ์สุราถึงขีดสุดด้วยการโวยวายอาละวาด พระท่านก็คงเบื่อแต่จะทิ้งขว้างมันก็กระไรอยู่ ความจริงเขาก็มีบ้านมีแม่เหมือนกัน แต่เห็นว่าตัวแม่นั่นก็ระอากับลูกเต็มทนเลยคร้านที่จะใส่ใจ เอาเป็นว่ายังได้ยินเสียงยังเห็นตัวว่ามันยังไม่ตายก็เป็นอันใช้ได้ ช้างเองก็ไม่เห็นเดือดร้อนตราบใดที่ยังมีคนจ้างขนของและมีเหล้าให้กิน
เรื่องสุดป่วนของช้างมีอยู่เรื่องเดียว คือช้างชอบเข้าไปนั่งเล่นในคลีนิกที่มีอยู่แห่งเดียวในซอย หมอกับเมียคู่นี้เพิ่งย้ายเข้ามาเปิดคลีนิกได้ไม่นานก็เป็นที่รักของคนในซอย เพราะนี่คือร้านหมอแห่งเดียวที่ใกล้ที่สุด ไม่งั้นก็ต้องถ่อกันไปถึงโรงหมอศิริราช แล้วหมอกับเมียก็ต้องเผชิญกับไอ้บ้าช้างเข้าจนได้
เรื่องของเรื่องก็คือร้านหมอเขาเปิดแอร์ ช้างมันจึงชอบเข้าไปนั่งเล่นเพราะมันเย็นดี แต่หมอกับคนไข้เขาไม่เย็นด้วยแน่เมื่อมีคนเมาและบ้าอย่างช้างมาอยู่ใกล้ๆ ทุกครั้งที่มาช้างจะเมามาด้วยเสมอ แล้วยังโวยวายร้องเพลงเป็นที่หวาดหวั่นแก่บรรดาคนไข้และหมอ โดยเฉพาะเมียหมอที่กลัวจนน้ำตาเล็ด และไม่ว่าชาวซอยจะปลอบหรือขู่ยังไงช้างก็ไม่ยอมไป ร้อนถึงต้องเรียกตำรวจมาลากไปทุกที
หลังๆ พอคนที่ปากซอยเห็นช้างเดินแอ่นเข้ามาก็จะส่งเสียงบอกต่อๆ กันให้หมอปิดร้าน บางทีพอเห็นปิดร้าน ช้างก็ยังนั่งรอ สิ่งเดียวที่ช้างกลัวคือตำรวจ พอเห็นตำรวจเดินมาไกลๆ ช้างก็จะเผ่นอ้าวทุกทีไป จนผมยังนึกว่าทีหลังก็ให้หมอนั่นแหละใส่ชุดตำรวจตรวจคนไข้ซะเลย ช้างจะได้ไม่กล้าเข้ามาอีก
ไม่รู้ทำไมผมถึงยังจำสองคนนี้ได้แม่นยำนัก ที่จำสนิทใจคือครั้งหนึ่งและครั้งเดียวที่ผมได้สนทนากับยายบ้า
บ้านผมอยู่เกือบถึงปากซอย ใกล้พอที่จะเห็นตรงที่ประจำของแกได้ชัดเจน วันหนึ่งท่ามกลางแดดร้อนเปรี้ยงหลังจากที่กินผัดซีอิ๊วจนอิ่มหนำ แกก็ร้องขึ้นว่าหิวน้ำๆ ไม่รู้อะไรที่ผลักผมให้ลุกขึ้นไปหยิบน้ำในตู้เดินเอาไปให้แก ผมเข้าไปใกล้แกพอที่จะยื่นกระป๋องน้ำให้ได้ ผมพูดเพียงสั้นๆ ว่า “ยาย … น้ำ” ถ้าผมจำไม่ผิด ผมเห็นแกเงยหน้ามาตามเสียงแล้วก็ยิ้มให้ แล้วแกยังตอบกลับมาอีกว่า “ขอบใจ”
ผมลืมเรื่องของแกไปเสียสนิทเมื่อโตขึ้นและย้ายไปเรียนที่เชียงใหม่ นานๆ ครั้งที่ภาพของแกจะผุดขึ้นมาเมื่อผมผ่านไปยังที่นั่งประจำของแก แม่ผมบอกว่าไม่มีใครรู้เลยว่าแกหายไปไหน จู่ๆ แกก็ไม่มาปรากฎตัวอีกเลย แกหายไปอย่างเงียบๆ เหมือนกับตอนที่แกมาที่นี่ครั้งแรกอย่างเงียบๆ ผมเลยไม่รู้จนบัดนี้ว่าตกลงแกบ้าหรือไม่บ้ากันแน่
หรืออาจเป็นเราเองนั่นแหละที่บ้ากันไปทั้งหมด