ใจกลางกรุงเทพ แหล่งช้อปปิ้งและย่านการค้าชื่อดัง แหล่งบันเทิงของเหล่าวัยรุ่นทั้งหลาย ทั้งสยามเซ็นเตอร์ มาบุญครอง สยามพารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ หากว่าเบื่อแล้วกับสถานที่แบบนี้ลองแวะเข้ามายังที่ที่เงียบสงบที่ วัดปทุมวนารามฯ เสียหน่อยเป็นไร อยู่ระหว่างเซ็นทรัลเวิลด์กับสยามพารากอนพอดิบพอดี … เช่นเคยที่ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าตรงนี้มีวัดแต่ก็ไม่ได้เคยย่างกรายเข้าไปสักครั้ง ประจวบเหมาะที่ว่างพอดี ได้เวลาออกชมวัดดูวังตามปรกติ แถมยังเดินทางสะดวกซะอีกด้วย
วัดปทุมวนาราม ตั้งตระหง่านท่ามกลางตึกสูงระฟ้าอันทันสมัย
วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร จัดเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี (ราชวรวิหาร คือ วัดที่กษัตริย์หรือพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง ทรงสร้างหรือปฏิสังขรณ์เป็นการส่วนพระองค์) สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ซึ่งทรงรับสั่งให้ทำการขุดสระบัวขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่เสด็จประพาสผ่อนคลายพระอิริยาบถและได้โปรดให้สร้างวัดขึ้นในบริเวณเดียวกันนี้ บริเวณนี้จึงได้ชื่อว่า ปทุมวัน อันหมายถึง ป่าบัวหลวง แต่เรียกกันติดปากว่า สระปทุม พื่นที่ที่ประทับจึงเรียกกันว่า วังสระปทุม
วัดปทุมวนารามฯ นี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสร้างขึ้นเพื่อพระราชทานพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ทรงพระราชทานนามว่า วัดปทุมวนาราม ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดสระปทุม เมื่อถึงฤดูน้ำหลาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดที่จะมาพักแรมผ่อนคลายพระราชอิริยาบถ ณ วังสระปทุมอยู่เนืองๆ
พื้นที่บริเวณนี้เป็นที่อยู่ของบรรดาชาวล้านช้าง (ลาว) ที่ถูกกวาดต้อนมาตั้งแต่ครั้งเก่าก่อน จนตั้งรกรากมายาวนาน จึงยังคงมีธรรมเนียมของชาวล้านช้างอยู่มาก เมื่อครั้นสร้างวัดเสร็จสิ้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญมาประดิษฐานคือ พระแสน และ พระใส จากวัดเขมาภิรตาราม จ.นนทบุรี
สระขนาดใหญ่อยู่บริเวณด้านหน้าวัด อาจจะเป็นสระที่มีมาแต่ดั้งเดิม ปัจจุบันทิ้งไว้ว่างๆ
วันที่ข้าพเจ้าแวะเข้าไปเป็นวันอาทิตย์พอดี มีผู้คนเข้าวัดทำบุญฟังธรรมหนาตาพอสมควร ก็น่าชื่นใจขอรับ แสดงว่าคนบ้านเราถึงแม้จะอยู่ในเมืองก็ยังไม่ห่างจากศาสนา ภายในวัดมีจุดที่จัดไว้ให้ญาติโยมมาทำบุญอยู่หลายจุด เดินเข้าไปหน้าวัดเขาก็จัดเต้นท์ไว้สำหรับทำสังฆทาน เอาแบบสะดวกเข้าว่า ราวสิบห้านาทีก็เสร็จพิธี เหมาะสำหรับท่านที่รีบมารีบไป เห็นมีหลายวัดที่จัดแบบนี้ ตามยุคสมัยขอรับ ทำบุญแล้วก็ชื่นใจดีละ ถัดมาหน่อยเป็นลานประดิษฐานพระพุทธรูป มีพระพุทธรูปประจำวันเกิดเรียงรายให้ทำบุญกราบไหว้ ด้านหลังเป็นสระขนาดใหญ่พอสมควร อาจจะเป็นสระที่เหลือมาจากสมัยก่อนก็ได้ แต่ไม่มีบัวให้เห็นเหมือนที่ปรากฎในบันทึกทั้งหลายว่างามหนักหนา เข้ามาในวัดก็ผิดหวังเล็กๆ คือคาดว่าน่าจะเต็มไปด้วยบัวหลวงให้สมชื่อวัด แต่ไม่ยักกะเห็นบัวสักต้น มีที่เขาเอามาทำบุญบ้างกับงานสถาปัตยกรรมทั่วไปที่เน้นลายบัวอยู่ จริงๆ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงจนเกินไป ทางวัดน่าจะลองตกแต่งทั้งวัดด้วยบัวสักหน่อยเป็นไร เอาให้สมดังที่เคยขึ้นชื่อว่ามีบัวอยู่เยอะน่ะขอรับ
บังเอิญเขาปิดพระอุโบสถไม่แน่ใจว่ากำลังซ่อมแซมหรืออย่างไร เลยไม่มีโอกาสเข้าไปชมด้านใน เดินลึกเข้าไปหน่อยทางวัดเขาจัดทำเป็นสวนป่า ร่มรื่นมากๆ ไม่นึกว่าจะมีที่แบบนี้อยู่ท่ามกลางแหล่งการค้าอันแสนอู้ฟู่ของเมืองหลวง ภายในมีลานว่างไว้ปฏิบัติธรรม มีพระพุทธรูปเรียงราย แต่ที่ขัดใจข้าพเจ้าก็คือมีรูปปั้นองค์จตุคามที่เคยฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมืองตั้งไว้ให้บูชากันเสียด้วย และถ้าพิจารณาดีๆ จะเห็นว่ามีคนมาบูชามากกว่าพระพุทธรูปเสียอีก อันนี้ก็แล้วแต่ความศรัทธาของแต่ละบุคคลล่ะขอรับ แต่ข้าพเจ้ามองในมุมส่วนตัวว่ามันไม่น่าจะเข้ากันสักเท่าไหร่
เลยเข้าไปในสวนมี “ศาลาพระราชศรัทธา” เป็นศาลาขนาดใหญ่ ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ มีคนมากกราบไหว้เยอะมาก ได้ยินมาว่าเขาจัดให้บูชาด้วยดอกบัว แต่วันที่ไปไม่เห็นดอกบัว เห็นแต่ดอกไม้จำพวกอื่นเสียมากกว่า บริเวณนี้ทางวัดเขาจัดสถานที่ไว้สำหรับญาติโยมนั่งสมาธิกัน มีเบาะรองนั่งพร้อมผ้าคลุมตัก (สำหรับสุภาพสตรี) ไว้อย่างเรียบร้อยพร้อมสรรพ ถัดเข้าไปบริเวณหลังศาลามีศาลามุงจากหลังเล็กเป็นที่แสดงธรรม ญาติโยมห่มขาวนั่งกันพอสมควร เห็นมีญาติโยมที่ศรัทธานุ่งขาวห่มขาวเดินทำโน่นทำนี่ขวักไขว่ บ้างก็ทำความสะอาดวัด บ้างก็เตรียมอาหาร เขาจะมีบัตรประจำตัวติดที่ตัวตลอดเวลา เสมือนเป็นเจ้าหน้าที่ของวัด สงสัยอะไรก็อาศัยสอบถามเอาได้
อีกอย่างที่น่าสังเกตก็คือเดี๋ยวนี้วัดบ้านเรานอกจากจะใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแล้วยังใช้เป็นที่จอดรถอีกด้วย คงเหตุเพราะวัดมีสถานที่ค่อนข้างกว้างขวางและถือเป็นสถานที่สาธารณะ หลายวัดจึงถูกใช้เป็นที่จอดรถไปโดยปริยายแล้วทางวัดก็อาจจะเก็บค่าจอดบ้างเล็กน้อย ซึ่งก็ไม่เลวทีเดียว อย่างน้อยก็ถือซะว่าช่วยเหลือทางวัด เพราะวัดเองก็มีภาระค่าใช้จ่าย ไหนจะค่าน้ำค่าไฟ ค่าบำรุงรักษา ค่าอะไรอีกจิปาถะ เห็นมีหลายคันเข้ามาจอดแล้วก็ออกไป คือไม่ได้เข้ามาทำบุญหรอก แต่มาจอดรถทิ้งไว้เพื่อจะไปเที่ยวห้างแถวนั้น หลายคนเป็นวัยรุ่นแต่งตัวมาเที่ยวกันเห็นๆ น่าเสียดาย อุตส่าห์เข้าวัดทั้งทีจะแวะไหว้พระเสียหน่อยก็ไม่ได้ อีแบบนี้น่าจะเก็บเงินเยอะๆ เสียให้เข็ด
ทางเข้าสวนป่ามีจัดเป็นนิทรรศการเล่าถึงพระเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายท่าน
ด้านหน้าของศาลาพระราชศรัทธา เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
ภายในศาลามีเบาะรองนั่งเตรียมไว้สำหรับญาติโยมที่ต้องการนั่งสมาธิ
ข้างๆ ศาลา มีเต้นท์บริการน้ำปานะไว้ให้ผู้ที่มาเข้าวัดได้ดื่ม
น้ำปานะที่ว่านี้คือเครื่องดื่มที่ได้จากการคั้นผลไม้ ตามตำราว่ามี ๘ ชนิด
คือ มะม่วง, ชมพู่, กล้วยมีเม็ด, กล้วยไม่มีเม็ด, มะทราง, ลูกจันทร์,
เหง้าอุบล, มะปรางหรือลิ้นจี่ (บางตำราอาจต่างไปจากนี้)
ศาลาไม้หลังนี้อยู่ด้านในสุด ใช้เป็นที่แสดงธรรม
ภายในสวนที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้นานาชนิด ไม่น่าเชื่อว่าท่ามกลางแหล่งท่องเที่ยว
ห้างสรรพสินค้ามากมาย จะมีวัดที่ร่มรื่นเช่นนี้อยู่
บริเวณด้านหน้าวัดมีเต้นท์ถวายสังฆทานสำหรับญาติโยม
ทำกันเป็นรอบๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย