เคยอ่านการ์ตูน “ชินจังจอมแก่น” ไหมครับ ถึงไม่เคยอ่านก็น่าจะพอรู้จักเจ้าหนูกวนตีนหัวมันฝรั่งคนนี้กันมาบ้าง เมื่อตอนที่เจ้าชินจังมาปรากฏตัวในบ้านเรายุคแรก ๆ มักจะโดนโจมตีจากบรรดาชาวอนุรักษ์ที่มองว่าเป็นการ์ตูนลามก เป็นพิษต่อสังคม เนื่องจากเนื้อหาและพฤติกรรมของตัวละคร โดยเฉพาะเจ้าชินจัง ที่มักทำอะไรพิเรนทร์ ๆ ออกไปทางทะลึ่งตึงตัง จนกลัวว่าเด็กไทยจะเลียนแบบ
จนแล้วจนรอดความคิดของใครบางคนที่อยากจะแบนการ์ตูนเรื่องนี้ก็ไม่เป็นผล เพราะคงไม่มีใครที่จะไร้ปัญญาถึงขนาดบ้าตามการ์ตูนไปได้ อย่างเช่นเดินดึงช้างน้อยกลางถนน และแท้จริงแล้วมันก็คือพฤติกรรมทั่วไปของเด็กวัยนี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกที่คิดแบบนั้นมันว่างมากนักหรือไง
ถ้าจะว่ากันตรง ๆ การ์ตูนเรื่องนี้มันก็ทะลึ่งจริง ๆ นั่นแหละ แต่มันก็แค่การ์ตูน มันสะท้อนสิ่งที่พบเห็นในชีวิตประจำวันของชาวญี่ปุ่นหรือชาวไทยเองในบางเรื่อง ยิ่งพฤติกรรมของเจ้าชินจังด้วยแล้ว มันก็แค่เด็กชายวัย ๕ ขวบ ที่แก่นแก้วแก่แดดเกินวัย โดยที่ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปด้วยซ้ำ อย่างลีลาหลีหญิง ท่าเต้นนู้ดครึ่งก้น การเล่นแกล้งตาย เจ้าชินจังมันก็ทำไปด้วยความบ้าบอประสาเด็กแค่นั้น
มุก ‘ซูชิห่อเต้าหู้’ ยังมีให้เห็นบ่อยๆ
ผมติดตามอ่านชินจังมาอย่างต่อเนื่องและเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ในยุคแรก ๆ เนื้อหามักจะพุ่งประเด็นไปที่พฤติกรรมกวน ๆ ของเจ้าชินจัง วนเวียนอยู่กับครอบครัวโนฮาร่าที่แสนวุ่นวาย มุกตลกที่ซัดเข้ามาไม่ยั้งทั้งที่บางทีก็เป็นเรื่องที่แสนธรรมดา แต่เราก็อดขำไม่ได้ อันนี้ต้องยกความดีให้กับทีมผู้แปลที่หยอดมุกฮาตามแบบไทย ๆ ได้อย่างออกรส การเรียกชื่อตัวละคร การล้อเลียนที่แปลงจากมุกต้นฉบับมาให้คนไทยอ่านแล้วขำ ผมถือว่าทีมแปลชุดนี้ทำหน้าที่ได้อย่างสุดยอดทีเดียว
มาถึงสิ่งที่ผมเห็นว่ามันเริ่มเปลี่ยนแปลง ไม่รู้ว่าคิดเหมือนกันหรือไม่ว่าชินจังในช่วงหลังเริ่มใส่ประเด็นที่จริงจังมากขึ้น แม้ว่าความฮาแบบบ้าบอยังคงมีอยู่ แต่ครอบครัวโนฮาร่าหรือตัวละครประกอบอื่น ๆ เริ่มแสดงแง่มุมที่เป็นจริงจังมากกว่าแต่ก่อน ด้วยสถานการณ์ที่พบเจอต่างกันไป ความจริงจังถูกแทรกอยู่ในหลายตอน (แต่แฝงไปด้วยความฮา) และเริ่มมากขึ้น ๆ เมื่อตอนที่ มิซาเอะ ตั้งท้อง ฮิมาวาริ มีหลายตอนที่เรียกน้ำตาจากผู้อ่านได้ อย่างตอนที่เจ้าชินจังคิดว่าแม่จะตายเพราะเห็นแม่มีอาการแพ้ท้อง หรือตอนหนึ่งที่ฮิมาวาริตัวโตขึ้นอย่างผิดปกติเพราะกินยาของด็อกเตอร์จนกลายเป็นคนแก่และใกล้จะตาย เจ้าชินจังพยายามแบกน้องสาวที่ตัวโตกว่าตัวเองหลายเท่าเพื่อไปให้ด็อกเตอร์รักษา เป็นการเผยให้เห็นด้านที่อ่อนโยนของเจ้าหนูหัวมันคนนี้ได้ดีทีเดียว
ในเล่มที่ ๓๑ ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ คือไม่คิดว่าผู้เขียนจะเพิ่มความดราม่าแบบช็อคคนอ่าน เมื่อ โทคุโร่ แฟนหนุ่มของคุณครูมัตสึซากะต้องเสียชีวิตจากเหตุก่อการร้าย ช็อตนี้ทำเอาคนอ่านอึ้งไปเหมือนกันเพราะไม่คิดว่าจะเจอพล็อตหนัก ๆ จากการ์ตูนฮาแตกแบบนี้ ! เมื่อสูญเสียคนรัก ครูมัตสึซากะที่ปกติออกจะเข้มแข็ง ปากจัด ขี้วีน กลายเป็นคนที่จมปลักอยู่กับการสูญเสีย มีอาการของ โรคประสาทประเภทซึมเศร้า (Depressive Neurosis) เป็นอาการที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่สูญเสียสิ่งที่รักไป ทำทุกอย่างให้ตัวเองตายเพื่อจะได้ตามไปอยู่กับแฟนหนุ่ม อันนี้ก็คือเริ่มทำร้ายตัวเองละ มีอการดูถูกตัวเอง ไม่เห็นค่าตัวเอง (self-depreciation) เล่มที่ ๓๑ นี้ ใช้พื้นที่กว่า ๑ ใน ๓ ไปกับการทำร้ายตัวเองของครูมัตสึซากะ ท้ายสุดเธอจึงค้นพบสัจธรรมแห่งชีวิตและยืนหยัดมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างเข้มแข็ง (แต่ก็ปนไปด้วยความป่วนของเจ้าชินจังเช่นเดิม)
หลายตอนที่ชินจังและครอบครัวสวมบมบาทเป็นซามูไรพเนจรผู้มีวิชาเพลงดาบทวารบานเป็นท่าไม้ตาย (อยากรู้ว่าเป็นยังไง ต้องไปหามาอ่าน) ออกเดินทางไปเรื่อย ๆ และต้องช่วยเหลือผู้คนโดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน (ยกเว้นถ้าเป็นคนสวย) ต้องเป็นจอมโจรลูแปงที่สรางความปั่นป่วนแต่เบื้องหลังคือการช่วยเหลือคนที่อ่อนแอกว่า หรือตัวละครอย่าง เนเน่จัง ที่ลงโทษตัวเองเพราะเป็นต้นเหตุให้ครูมัตสึซากะต้องเลิกรากับแฟน (พฤติกรรมของเนเน่จังก็น่าเอามาเป็นกรณีศึกษาสำหรับเยาวชนได้นะ) จากพฤติกรรมสอดรู้เรื่องชาวบ้านโดยไม่ยั้งคิด และอื่น ๆ อีกมากมายที่บ่งบอกถึงชีวิตสามัญของผู้คนในสังคมที่มีทั้งรัก โลภ โกรธ หลง
แฟนการ์ตูนชินจังคงรู้สึกเหมือนผมว่าการ์ตูนเรื่องนี้ไม่ได้เอาฮาอย่างเดียว แต่แฝงแง่คิดและสะท้อนสังคมได้อย่างน่าทึ่งโดยอาศัยอารมณ์ขันเป็นสื่อสำคัญ หากย้อนกลับไปพลิกดูดี ๆ ตั้งแต่เล่มแรกแล้ว เราจะเห็นมุมมองน่ารัก ๆ และอบอุ่นจากการ์ตูนเรื่องนี้ จนมาถึงเล่มหลัง ๆ ที่จะเริ่มเอาจริงเอาจังกับตัวละครมากขึ้น จนเกือบจะกลายเป็นการ์ตูนจริงจังไปแล้วในที่สุด ซึ่งผมคิดว่านี่เป็นแง่มุมที่อาจารย์อุสึมิผู้ล่วงลับพยายามสื่อถึงผู้อ่าน
แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าอาจารย์ยังอยู่แล้วเขียนไปเรื่อย ๆ จนเจ้าชินจังเติบโต เจ้าหนูหัวมันจะกลายเป็นผู้ใหญ่แบบไหนกันแน่นะ ?