บางครั้งแผนการที่แสนดีแต่กลับไม่ถูกนำมาใช้ ต่อให้ดีและรัดกุมแค่ไหนมันก็ไปไม่รอด อันนี้น่าจะเข้าข่าย Human Error หรือความผิดพลาดที่เกิดจากตัวบุคคล ก็ช่วยไม่ได้นี่ครับ ตราบใดที่มนุษย์ยังมีความรู้สึก รัก โลภ โกรธ หลง
จำ ‘ยุทธศาสตร์หลงจง’ ที่คุณมังกรขี้เซาบรรจงวางหมากเอาไว้เสียสวยหรูได้ไหมครับ สรุปความเอาแบบรวบรัดก็คือ ก๊กใหญ่หนึ่งก๊กเล็กสอง คานกันเป็นสามก๊ก คาถาที่ จูกัดเหลียง ย้ำแล้วย้ำอีก กระแทกใส่หูสามพี่น้อง เล่าปี่-กวนอู-เตียวหุย ก็คือ “ผูกมิตรซุนกวน พิชิตโจโฉ” แต่ก็ได้ผลเพียงช่วงแรก พื้นที่สมองของทั้งสามคงจะมีจำกัดจึงไม่ค่อยจะจดจำเท่าไหร่นัก
เมื่อ เล่าปี่ กับ ขงเบ้ง ชิงเอาเมืองเกงจิ๋วมาได้แล้ว ก็เริ่มขยายดินแดนแผ่อิทธิพลจนสามารถตั้ง จ๊กก๊ก ได้เป็นผลสำเร็จ อันว่าเกงจิ๋วนั้นเป็นเมืองสำคัญ การอยู่หรือดับของเกงจิ๋วสามารถส่งผลสะเทือนให้กับทั้งสามก๊ก ชัยภูมินั้นดีแต่ดันตั้งอยู่กึ่งกลาง ใครจะบุกไปตีใครก็ต้องผ่านเมืองนี้ก่อน ง่อกับจ๊กนั้นแย่งชิงกัน แต่แปลกที่วุยไม่ค่อยสนใจ เดิมนั้นเป็นของเล่าเปียว ต่อมาเป็นของซุนกวนแล้วยกให้เล่าปี่ยืมชั่วคราว แต่อ้ายคนหูยาวดันยืมลืมแล้วอ้างว่าตนมีสิทธิ์ครองด้วยอาศัยบารมีความเป็นคนแซ่เล่า นามสกุลเดียวกับฮ่องเต้
กำแพงเมืองเกงจิ๋ว ขอบคุณภาพจาก สามก๊กวิกิ (www.samkokwiki.com)
ขงเบ้ง เคยให้ทัศนะไว้ว่า “เกงจิ๋วเป็นเมืองสำคัญ ไม่เก่ง รักษาไม่ได้” เล่าปี่ฝากฝังให้ กวนอู ดูแลรักษาเมืองสำคัญที่ว่านี้ ไม่ปฏิเสธว่ากวนอูนั้นเก่ง แต่ต้องเก่งให้รอบด้านและเก่งให้ตลอด แค่คาถา “ผูกมิตรซุนกวน พิชิตโจโฉ” กวนอูก็หลงลืมด้วยทะนงตนว่าเก่งกาจ สุดท้ายก็ต้องเสียเกงจิ๋วและสิ้นชีพแบบตัวกับหัวอยู่แยกกัน
ตามความคิดส่วนตัวของผม ในช่วงแรกที่ ซุนกวน เพียรหาทางเอาเกงจิ๋วคืนก็ด้วยกรอบความคิดเดิมที่ว่าเกงจิ๋วเป็นเมืองสำคัญที่เป็นกันชนไม่ให้วุยก๊กเข้ามารุกรานง่อก๊ก แต่นานวันเข้าก็เริ่มคิดใหม่ว่า อันที่จริงการมีหรือไม่มีเกงจิ๋วไว้ในครอบครองก็ไม่ได้ส่งผลอะไรนัก หากได้ครองก็ดีที่ว่าได้ปกครองดูแล แต่ถ้าไม่ได้ครองก็ไม่เสียหลาย อย่าลืมว่าจ๊กก๊กที่ครองเกงจิ๋วก็ต้องป้องกันเป็นสามารถยามที่วุยก๊กบุก ซึ่งนั่นหมายถึงจะเป็นกันชนชั้นดีสำหรับง่อก๊ก แถมยังจะช่วยประวิงเวลาให้ง่อก๊กมีเวลาเตรียมตัว ซ้ำยังไม่ต้องสิ้นเปลืองไพร่พลและเสบียงอีกด้วย
กรอบความคิดสำคัญที่เห็นได้ชัดโดยตลอดคือ ง่อก๊กยึดนโยบายกูจะอยู่เฉยๆ ได้ก็เอา ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ใครเก่งกูยอม ใครอ่อนกูตบ คือเป็นก๊กเดียวที่แทบจะไม่ได้บุกไปรุกรานใครเขา
ขงเบ้งคงคิดในใจว่า กูเตือนเมิงแล้วเสือกไม่จำ (ภาพจากซีรี่ส์ สามก๊ก)
แต่ด้วยความทะนงตนของกวนอูทำให้ซุนกวนอดหมั่นไส้ไม่ได้ แถมยังถูกหยามเกียรติเมื่ออุตส่าห์ส่งฑูตไปสู่ขอบุตรสาวของกวนอูมาแต่งกับบุตรชายของตน เพื่อสานสัมพันธ์เกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน หากเป็นขงเบ้งต้องยินดีรับแน่นอน แต่ดันเป็นกวนอูที่ถือดีอะไรก็ไม่รู้ เสือกบอกปัดแถมยังด่ากลับไปอีก ทำให้แผลเก่าที่เคยบาดหมางกันปริขึ้นมา ซุนกวนเลยรับข้อเสนอโจโฉร่วมเป็นพันธมิตรวางแผนยึดเกงจิ๋วแม่งซะเลย
ก่อนที่กวนอูจะรับรักษาเกงจิ๋วนั้น ขงเบ้งย้ำนักย้ำหนาว่าต้องรอบคอบ และระลึกเสมอเรื่อง “ผูกมิตรซุนกวน พิชิตโจโฉ” ผมว่ามีหรือขงเบ้งจะไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรหากปล่อยให้เกงจิ๋วอยู่ในการปกครองของคนอวดดีอย่างกวนอู แต่แปลกที่ขงเบ้งกลับไม่ทัดทานเท่าไหร่ สงสัยจะเกรงใจเจ้านาย หรือไม่ก็คิดไม่ถึงว่ากวนอูแม่งจะงี่เง่าขนาดนั้น
การเสียเกงจิ๋วนั้นแทบจะเป็นจุดเปลี่ยนของจ๊กก๊ก จริงอยู่ที่ต่อมาเล่าปี่สถาปนาตนเป็นอ๋องสำเร็จ แต่ศักยภาพและความได้เปรียบนั้นไม่เหมือนเดิม ต้องเสียเกงจิ๋ว ต้องเสียขุนพลเอกอย่างกวนอู ซึ่งส่งผลต่อมาถึงการเสียเตียวหุย และ ฮองตง แผนการที่มังกรขี้เซาอุตส่าห์วางไว้ก็พังทลายอย่างสิ้นเชิง นี่แหละหนาจะเอาอะไรกับมนุษย์ปุถุชน เพราะเรายังมีกิเลสมีสิ่งยั่วยุครอบงำ ทำให้ลืมเรื่องที่ควรจะคิด สิ่งที่ควรจะทำ นำมาซึ่งความวิบัติในท้ายสุด
เขียนดี อ่านสนุก เหมือนนั่งจิบสุราคุยกันกับเพื่อน แต่ก็ได้ข้อคิดดีครับ
เขียนสนุกมากเลยครับ
ผมชอบ
ไม่ต้องโวหารมาก เอาเนื้อๆ เล่นคำ เพียวๆไปแบบนี้โอเครเลย
ขอบคุณครับ