เมื่อปีก่อนผมเคยเขียนถึงเรื่องพฤติกรรมแย่ๆ ของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ทำงามหน้าเอาไว้จนหลายประเทศเอือมระอา มาคราวนี้ก็ได้ข่าวใหม่ว่านักท่องเที่ยวจีนแห่กันมาถล่มเมืองเชียงใหม่กันเละเทะ โดยเฉพาะใน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถิ่นเก่าของผมเอง
เคยไปประสบกับตัวเมื่อปีที่แล้ว ไม่รู้มาก่อนจริงๆ ว่าเกิดเรื่องราวแบบนี้จนกระทั่งกลับมาแล้วเจอคนมาบ่นตาม Social Media ตอนนั้นก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมมีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช มช. มากผิดสังเกต ปกติเขาก็ไม่น่าจะมาเที่ยวในสถาบันการศึกษานี่นะ ที่เจอตอนนั้นคืออาตี๋กับอีหมวยขี่รถเครื่องชมวิวแม่งกลางถนนหน้าศาลาธรรมด้วยความเร็วราว ๕ กิโลเมตร/ชั่วโมง ขี่แบบนี่พี่เดินเอาดีกว่าไหม แล้วห็นกะตาว่าอีหมวยแม่งชี้อะไรไม่รู้ อาตี๋ก็เบรครถเดี๋ยวนั้น รถเก๋งที่ขับตามหลังมาเกือบเสยเข้าให้ แว่วเสียงด่าภาษาเมืองลอยมาตามลม มันไม่รู้เรื่องหรอก แต่ผมนี่ได้ยินเต็มๆ
ล่าสุดจริงๆ เมื่อวันนี้เอง รุ่นน้องของผมเข้าประชุมที่ตึกไอทีใน มช. กำลังฟังบรรยายเพลินๆ (หรือหลับเพลินก็ไม่รู้) ก็ตาสว่างทันทีเมื่อเห็นนักท่องเที่ยวจีนแม่งมาอาศัยฉากหน้าห้องประชุมถ่ายรูปกันสนุกสนาน ไอ้ห่าน … ปัญหาคือ มันเข้ามาได้ยังไง ไม่มีใครบอกมันรึไงว่านี่เป็นห้องประชุม แล้วมึงมาถ่ายรูปกันเฉยเลย คุณพระคุณเจ้าลูกช้างตกกระได เกิดอะไรขึ้นใน มช. วะเนี่ย
ขอบคุณ ‘คุณน้องกบ’ ที่อุตส่าห์เก็บภาพมาให้ชมเป็นหลักฐานจาก มช.
แล้วยังมีคุณรุ่นพี่ที่เคารพส่งข่าวมาให้ดูอีกว่า เดี๋ยวนี้อ่างแก้วพัฒนากลายเป็นจุดกางเต้นท์ไปแล้ว อุแม่เจ้ากระเพราไก่ สมัยผมอยู่ทำไมไม่ให้กางวะ นั่งจิบเบียร์ตากลมชมดาวเพลินๆ คุณยามแม่งเดินไล่แล้วไล่อีก ไอ้ห่านจิก
พฤติกรรมชวนสังเวชของนักท่องเที่ยวจีนแบบนี้เกิดจากอะไรก็สุดจะหยั่งรู้ อาจจะเข้าข่ายคดี x-file ที่ไม่มีวันไขกระจ่างได้ การไร้มารยาทด้วยการล่วงล้ำเข้าไปในพื้นที่ที่ไม่ใช่สำหรับเที่ยว ไม่ใช่เรื่องเดียวพี่พบเจอ นักท่องเที่ยวจีนขึ้นชื่อเรื่องการไร้ระเบียบ การต่อคิวนี่ลืมไปได้เลย เสียงดังนี่ธรรมดามาก ปกติคนจีนคุยกันเสียงดังอยู่แล้วนะครับ เคยเจอในห้างดังกลางเมืองหลวง เธอสวยน่ารักราวเทพธิดา แต่พอเธอหยิบโทรศัพท์ออกมาคุย แม่งก็กลายเป็นอีเจ๊ปากหมาแปดหลอดทันที
นักท่องเที่ยวจีนเคยก่อเรื่องที่เป็นกรณีพิพาทระหว่างประเทศมาแล้วนะครับ อย่างไอ้เด็กเวรที่ไปขีดชื่อตัวเองลงบนรูปสลักในวิหารลักซอร์ ประเทศอียิปต์ (กลับไปอ่านเรื่องราวได้ใน เที่ยวแบบไร้วัฒนธรรม) และยังมีอีกหลายกรณีที่เปิดเผยและไม่เปิดเผย ความเห็นส่วนตัวนั้นผมเชื่อว่าลึกๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำพฤติกรรมแบบนี้หรอกครับ แต่มันเป็นแบบนี้เอง คนเขาเป็นแบบนี้จะให้ทำยังไงเล่าครับ
หากบอกว่า เฮ่ย ไม่ได้ คุณต้องปรับเปลี่ยนนิสัยสิ มันก็พูดได้ง่ายนะครับ แต่ทำยาก ประชากรบ้านเขามหาศาล หลากวัฒนธรรม คนจีนที่ไม่ถ่อยก็มีถมไปครับ การศึกษาและสภาพแวดล้อมมีส่วนสำคัญ ผมเชื่อว่าหลายท่านก็มีเพื่อนชาวจีน ลองสังเกตพฤติกรรมเขาสิครับ ถ่อยแบบนี้ไหม ผมเชื่อว่าคงไม่ถ่อยแบบนี้แน่ๆ นักศึกษาจีนที่เคยพบเจอก็ปกติดีนะครับ เรียบร้อยและปรับตัวได้ อาจเป็นข้อสนับสนุนได้ครับว่าการศึกษาและการอบรมนั้นมีส่วนจริงๆ
คนจีนยุคเบ้บี้บูมนั้นยังมีอยู่มากครับ ก็เป็นรุ่นปู่รุ่นย่ากันหมดแล้ว ต้องยอมรับว่าการศึกษาเขาไม่ได้สูงนักนะครับ ตอนนั้นจีนยังสังคมนิยมสุดโต่งอยู่เลย ผู้คนตั้งใจทำมาหากินมากกว่าจะเรียนหนังสือ ประกอบกับวัฒนธรรมจากรุ่นก่อนก็ยังคงอยู่ คือมายังไงก็ยังอยู่อย่างนั้น จะเปลี่ยนจะปรับทำไม ทีนี้ก็เกิดความเคยชิน จีนไม่ได้คบกับใครมากนักนะครับ (เพราะเป็นสังคมนิยม) เขาก็อยู่กับพวกของเขา ประเทศของเขา เกิดการถ่ายทอดพฤติกรรมกันรุ่นสู่รุ่น ไม่รู้ว่าธรรมเนียมสากลเป็นอย่างไร มารยาทสากลคืออะไร เมื่อไม่เคยพบโลกภายนอก แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรล่ะครับว่าต้องเปลี่ยนพฤติกรรมนะ คนอื่นเขาไม่ยอมรับนิสัยแบบนี้
คนจีนนิยมมาเที่ยวเชียงใหม่เพราะอิทธิพลจากหนังดัง Lost in Thailand
พอจีนเปิดประเทศ แดนมังกรจึงกลายเป็นบ่อทองคำ เมื่อพวกเขาได้โอกาสออกมาเจอโลกกว้าง แถมด้วยกำลังซื้อมหาศาล จึงตะบี้ตะบันตักตวงโดยไม่ได้คำนึงว่าโลกอื่นแตกต่างจากตัวเอง ประเทศอื่นเขาก็อ้าแขนต้อนรับสิครับ เอาเงินเข้าประเทศเขานี่ นักท่องเที่ยวจีนก็เริ่มรู้สึกว่าพวกข้านี่ได้รับการต้อนรับอย่างดี ข้าแน่ ข้ารวย คนอื่นต้องตามใจข้า พอได้ใจมากๆ เข้าก็กลายเป็นนิสัยไปอีก ก็ต่อกันเป็นทอดๆ ไป พอมากเข้าๆ ประเทศต่างๆ เริ่มจะโวยวาย แล้วคนจีนเขาจะเปลี่ยนทันไหมล่ะครับนั่น
จึงย้อนกลับไปที่ต้นตอคือการอบรมจากครอบครัวและนิสัยดั้งเดิมอยู่ดีล่ะครับ เคยได้ยินนิทานเรื่องคางคกกับแมงป่องไหมครับ แมงป่องขออาศัยขี่หลังคางคกข้ามบ่อน้ำโดยให้สัญญาว่าจะไม่ต่อยคางคก พอไปถึงกลางน้ำแมงป่องก็ต่อยเข้าจนได้ คางคกถามว่าทำไมถึงทำกับฉันได้ แมงป่องตอบว่า ก็ไม่รู้สินะ ข้าก็ไม่อยากทำหรอก แต่ทำไงได้ ข้าเป็นแมงป่องนี่หว่า แล้วทั้งคู่ก็จมน้ำตายหอง คนจีนก็คงเหมือนกัน ก็กูเป็นแบบนี้อ่ะ เปลี่ยนยาก ไม่เปลี่ยนโว้ย
ฝรั่งเองก็ด่าคนจีนว่าไร้มารยาท พอตัวเองทำก็บอกว่าเป็นวัฒนธรรมของพวกเขา
ผมว่าด้วยมารยาทแล้วก็ไม่ควรทำนะครับ มานอนผึ่งพุงแช่ตีนในน้ำพุแบบนี้
ไม่ว่าใครก็ไม่ควรทำ ถ้าตัวเองยังเสื่อมก็อย่าเพิ่งด่าคนอื่นครับ
เจ้าของประเทศนั่นล่ะครับที่ต้องหามาตรการป้องกัน ถ้าคิดว่ามันมากเกินไปก็ต้องจัดการครับ คอยดูสิว่าจะต้องมีผู้เกี่ยวข้องออกมาบอกว่าให้ประนีประนอม เพราะพวกนี้เป็นนักท่องเที่ยว นำรายได้เข้าสู่ประเทศ ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากัน ผมว่าประเทศเรา เรามีสิทธิ์นะครับ ทำไมเราไม่รับนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมากกว่าเน้นปริมาณ ถ้ามีคุณภาพแม้จะไม่มาก ผมว่าคุ้มค่ากันเยอะ บ้านเราเองจัดการเด็ดขาดไปเลยครับ จะไปกลัวทำไมว่าเขาจะไม่มาเที่ยว เขาต่างหากที่ต้องปรับตัวถ้าอยากจะเที่ยว ผมว่าคนไทยส่วนใหญ่เป็นเหมือนกันนะครับ เวลาไปเที่ยวต่างเมืองเรามักจะศึกษาก่อนว่าเขามีข้อห้ามอะไร สิ่งใดทำได้หรือไม่ได้ แต่คนจียไม่สนใครจะทำไม
มีตัวอย่างที่เกาหลีเหนือครับ ประเทศนี้หลายคนร้องยี้ว่าไม่น่าเที่ยว แต่ก็มีคนไปเที่ยวไม่น้อยนะครับ เคยมีนักท่องเที่ยวถูกส่งตัวกลับตั้งแต่วันแรกที่ไป เพราะดันไปแอ๊คท่าถ่ายรูปหน้ารูปปั้นท่านผู้นำคนก่อน ตำรวจเกาหลีเหนือจับเลยครับ ข้อหาแสดงกิริยาไม่สุภาพ เขาไม่สนด้วยนะครับ ผิดระเบียบบ้านเขาแม่งจับเรียบ ไม่อยากมาเที่ยวก็ไม่ต้องมา
บทสรุปยังไม่รู้ว่าจะจบแบบไหน คนไทยใจดีครับ พร้อมให้อภัยและเข้าใจนักท่องเที่ยว นี่เพราะเป็นประเทศไทยหรอกนะครับ เขาถึงไม่อยากเอาเรื่อง พวกเอ็งโชคดีมากที่มาทำกิริยาแบบนี้ที่เมืองไทย แต่ผมไม่แน่ใจว่าคนไทยจะทนได้อีกนานไหม โดยเฉพาะคนไทยที่ไม่ได้มีส่วนได้เสียกับนักท่องเที่ยว พ่อค้าแม่ค้าเขาอาจจะหยวนๆ แต่คนทั่วไปนี่ไม่แน่ คนไทยก็ตีนหนักใช้ได้นะครับท่าน
เมื่อด่าคนอื่นแล้ว คนไทยเองก็ต้องระมัดระวังพฤติกรรมของตัวเองด้วยเช่นกัน จะมาบอกว่านี่ประเทศฉันไม่ได้ เพราะไม่ใช่ของคุณคนเดียวเว้ย ถ้าคนไทยยังเที่ยวเมืองไทยด้วยนิสัยแย่ๆ ก็เลิกบ่นด่าคนประเทศอื่นเขาเถอะครับ อายเขาเสียเปล่าๆ
ปล. ล่าสุดมีข่าวว่าทาง มช. ติดป้ายเตือนนักท่องเที่ยวและประกาศให้แลกบัตรก่อนเข้า มช. แบบนี้แสดงว่ายังให้เขาเข้ามาได้สิครับ ทางที่ถูกคือห้ามเข้ามาเที่ยวครับ ยกเว้นไปเลยสำหรับนักท่องเที่ยวจีนเท่านั้น ระบุให้ชัด แลกบัตรแล้วก็ทำถ่อยได้ต่อเหรอ เออแปลกดีนะพวกด็อกเตอร์ผู้บริหารทั้งหลาย มีปัญญาแก้ไขได้เท่านี้ น่าเวทนา (อ่านรายละเอีดยข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์ >> มช.ขึ้นป้ายเตือนนักท่องเที่ยว)
อันนี้ที่บ้านเขาเอง จะนั่งอืดยังไงตรงไหนก็ตามสะดวก แล้วก็ทิ้งขยะกันเกลื่อนเป็นธรรมชาติ
เที่ยวในบ้านเขาเองยังวุ่นวายเลยครับ ก็เพราะคนเขาเยอะ จะไม่วุ่นยังไงไหว
พอคนเยอะก็เลยต้องแย่งกันเที่ยว แย่งกันดู แย่งกันกิน จึงเป็นไปได้ว่าเป็นแบบนี้จนติดนิสัย
ก็ผู้ปกครองแม่งส่งเสริมให้ลูกเป็นสไปเดอร์แมนซะแบบนี้ พ่อแม่ก็สมควรโดนตบเหมือนกัน
คิดว่าควรไหมละครับแบบนี้ แต่คนจีนก็ทำกันเป็นเรื่องปกติ ก็กูมาเที่ยวอ่ะนะ
แม่งปีนต้นไม้เฉยเลย สงสัยเห้งเจียมาเที่ยว
อันนี้เด็ดสุด เยี่ยวแม่งบนรถไฟฟ้าซะเลย
ขนาดในประเทศตัวเองแท้ๆ แล้วมาบ้านเราคิดว่าเขาจะแคร์เรอะ
บทความที่ผมเคยเขียนถึงการท่องเที่ยว โดยเฉพาะพฤติกรรมของพี่จีนเขา
ผมเจอกระทู้นี้เมื่อเดือนก่อน ค่อนข้างแปลกใจ ปนตลก
ต่มีคนมาชี้แจงแล้วว่าท้งมหาลัย ทั้งจังหวัดเอาตัวเองไปอยู่ในโปรแกรมท่องเที่ยวเอง เจอภาพกางเตท์นี่เล่นเอาฮา
ตอนนี้ ม.ช. กลายเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวของ นักท่องเที่ยวจีนไปแล้ว
http://pantip.com/topic/31585777