ดูเพิ่มเติมได้ใน Batman Story (ภาคหนังสือการ์ตูน)
ไม่ใช่เฉพาะในหนังสือการ์ตูนเท่านั้น แบทแมนยังโลดแล่นให้เห็นตัวเป็นๆ ในจอโทรทัศน์ด้วย ในปี ๑๙๔๓ หลังก่อกำเนิดได้ไม่นาน แบทแมนก็กลายเป็นหนังทีวีครั้งแรก แต่ด้วยบรรยากาศของสงครามโลกครั้งที่สอง แบทแมน เดอะซีรี่ส์ ในช่วงนั้นจึงไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไหร่นัก เพราะมันกลายเป็นโฆษณาชวนเชื่อของฝ่ายพันธมิตรไปเสียแทน รวมถึงการทดลองนำแบทแมนมาทำเป็นละครวิทยุด้วย แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่
แบทแมนฉบับทีวีมาดังเอาจริงๆ ในปี ๑๙๖๖ โดยสถานีโทรทัศน์ ABC นำแบทแมนมาทำเป็นหนังทีวี ได้ผู้กำกับ รอเบิร์ต บัตเลอร์ ที่เพิ่งดังมาจากหนังทีวี Star Trek มากำกับให้ ซีรี่ส์แบทชุดชุดนี้ออกอากาศนานถึง ๓ ปี กระแสตอบรับดีมากแต่ก็มีข้อเสียบ้าง ตรงที่เนื้อเรื่องถูกดัดแปลงไปจากฉบับการ์ตูนมากทีเดียว โดยเฉพาะการทำให้แบทแมนกลายเป็นหนังสืบสวนปนตลก คลายความน่าเกรงขามของฮีโร่รายนี้ไปเยอะทีเดียว
อย่างไรก็ตามแบทแมนฉบับหนังทีวีในยุคนั้นก็ถือว่าประสบความสำเร็จงดงาม ไม่แปลกที่ผู้ชมจะชื่นชอบ เพราะบ้านเมืองหลังสงคราม ประชาชนต้องการใครซักคนมาปราบทุกข์เข็ญ ก็เปรียบได้กับที่แบทแมนออกมาช่วยเมืองกอทแธมนั่นแหละ อีกทั้งในยุคนั้นก็ไม่ได้มีเรื่องของเซกส์หรือการเหยียดผิวหรืออะไรที่รุนแรง เป็นหนังที่เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัวจริงๆ
เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของซีรี่ส์ชุดนี้คือการนำเอาขนบของการ์ตูนมาสอดแทรกในตัวหนัง โดยเฉพาะการแสดงอารมณ์หรือบรรยากาศด้วยตัวอักษรสีสดใส เช่น เสียงอุทานหรือเสียงประกอบฉากต่างๆ ผู้สร้างก็ใส่เข้ามาเป็นคำพูดเหมือนกับว่ากำลังอ่านหนังสืออยู่ อย่างเช่นฉากต่อสู้ก็จะมีคำประเภท BAP! URKK! หรือเสียงเครื่องยนต์ก็จะเป็น ZAM … ZWAPPP… ในยุคนั้นก็คงจะดูแปลกใหม่และน่าสนใจ แต่ถ้าตอนนี้กลับไปดูใหม่อีกรอบคงจะรู้สึกเชย และขบขันอยู่ไม่น้อย
สำหรับตัวนักแสดงนั้น อดัม เวสต์ (Adam West) อดีตพิธีกรและดีเจจากแคลิฟอร์เนียรับบทแบทแมน ทั้งที่ใจจริงเขาอยากจะเป็นดาราหนังเคาบอยมากกว่า แต่ก็นับว่าเป็นผลดีกับตัวเวสต์เอง เพราะใครๆ ต่างพากันจำเขาได้ในของแบทแมนนี่เอง ส่วนบท โรบิน คู่หูคนสำคัญตกเป็นของเด็กหนุ่มนายหน้าขายบ้านวัย ๑๙ ปี เบิร์ต วอร์ด (Burt Ward) ที่บังเอิญโปรดิวเซอร์ไปพบเข้าขณะกำลังติดต่อซื้อบ้าน คุยไปคุยมาก็รู้สึกว่าหมอนี่น่าจะเล่นได้ จึงเสนอให้ไปทดสอบบท
ส่วนพล็อตเรื่องก็ดำเนินไปตามสูตร แบทแมนกับโรบินจะต้องเผชิญกับวายร้ายสัปดาห์ละสองตอน เวลาทุ่มครึ่ง วันพุธและพฤหัสบดี ตอนท้ายของคืนวันพุธก็จะเดินเรื่องสู่ตอนคับขัน ใครคนหนึ่งอาจจะตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก แล้วก็จะจบด้วยประโยค “พบกันใหม่คืนวันพรุ่งนี้” ผู้ชมก็ต้องอดใจรออีกวันหนึ่งเพื่อจะได้คอยเอาใจช่วยฮีโร่ของพวกเขา ส่วนตอนจบของคืนวันพฤหัสฯ ก็จะทิ้งท้ายให้ผู้ชมทราบว่าพุธหน้าจะมีอะไรมาให้ชม หรือจะพบกับตัวละครตัวไหน อย่างเช่น “สัปดาห์หน้า เตรียมพบกับจอมวายร้าย โจ๊กเกอร์” หรือ “สัปดาห์หน้า แบทแมน ปะทะ แคทวูแมน”
อีกอย่างหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของหนังชุดนี้คือดนตรีประกอบ เพลงธีมของแบทแมนที่แสนจะติดหู ได้ยินเพียงนิดเดียวก็รู้ทันทีว่าเป็นเพลงธีมแบทแมน ใช้โน้ตเพียงไม่กี่ตัว แต่ให้จังหวะเร้าใจพร้อมกับเสียงร้องประสานว่า “…แบทแมน … แบทแมน…” วนไปวนมาแค่นั้น ง่ายๆ แบบนี้แต่ก็ได้ผลดีเยี่ยม
แบทแมนบินสูงอยู่ได้ไม่นานก็เริ่มบินต่ำลงๆ จากพล็อตเรื่องเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมาอยู่สองปี และจากความสำเร็จของแบทแมน จึงเกิดหนังทีวีซูเปอร์ฮีโร่ตามออกมาเป็นพรวน จนผู้ชมเริ่มเอียน ทางผู้สร้างจึงเพิ่มตัวละคร Batgirl เข้ามาในปีที่สาม แต่ก็ไม่ได้ผลอยู่ดี สุดท้ายหนังชุดนี้ก็ปิดฉากลงไปด้วยจำนวน ๑๒๐ ตอน ในระยะเวลา ๓ ปี
ในขณะที่แบทแมนซีรี่ส์ฉบับคนเล่นตกอับ แต่ฉบับอนิเมชั่นซีรี่ส์กลับไปได้สวย ในปี ๑๙๖๘ สถานี CBS นำออกฉายครั้งแรกทางโทรทัศน์ โดยใช้ชื่อว่า The Batman / Super Hour ออกอากาศช่วงเช้าวันเสาร์ เป็นเรื่องราวการผจญภัยปราบเหล่าร้ายของคู่หู แบทแมน / โรบิน และ ซูเปอร์แมน / ซูเปอร์บอย หนึ่งปีต่อมาก้ปรับเวลาเหลือออกอากาศอาทิตย์ละครึ่งชั่วโมง แล้วตัดเรื่องของซูเปอร์แมนออก เปลี่ยนชื่อเป็น The Adventures of Batmanand Robin the Boy Wonder ก่อนจะปิดฉากลงในปลายปี ๑๙๖๙ จากนั้นก็มีอนิเชั่นซีรี่ส์ออกเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เช่น The New Adventures of Batman (๑๙๗๗-๑๙๗๘) Batman : The Animated Series (๑๙๙๒-๑๙๙๕, ๑๙๙๗-๑๙๙๙) ซีรี่ส์ชุดนี้ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากและได้รับรางวัลเอ็มมี่ในปี ๑๙๙๒ Batman & Mr. Freeze : SubZero (๑๙๙๘) เป็นต้น
สองคู่หูแบทแมน / โรบิน ฉบับหนังทีวี … แบทแมนจะดูท้วมไปซักหน่อยนะ
เสื้อผ้ายังธรรมดามาก เป็นผ้ายืดธรรมดาๆ
ตัวอย่างตัวหนังสือป๊อปอาร์ตที่แทรกเข้ามาในซีรี่ส์ ดูสีสันสดใสโคตรๆ ยังกับอ่านการ์ตูนอยู่
ความอึ๋มของแบทเกิร์ลก็ไม่สามารถช่วยหนังทีวีชุดนี้ได้
แบทแมน อนิเมชั่น ซีรี่ส์ ชุดนี้ได้รับความนิยมอย่างที่สุด ออกฉายทางโทรทัศน์
ปกอัลบั้มเพลงประกอบแบทแมน … ดูออกแนวขบขันมากกว่าน่าเกรงขามนะครับ