ในภาพเป็นเหตุการณ์กรณีพิพาท “แอปเปิ้ลทองคำ” อันเป็นสาเหตุหนึ่งทีก่อให้เกิดมหาสงครามกรุงทรอยขึ้น ตามเรื่องเล่าในมหากาพย์อีเลียด ที่ว่าด้วยสงครามกรุงทรอยนั้นยืดยาวและเต็มไปด้วยพล็อตย่อยต่างๆ มากมาย และนี่เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่เรื่องยุ่งๆ ของเทพเจ้าเข้ามาพัวพันกับเรื่องของมนุษย์ จนเกิดหายนะขึ้น
ไม่ว่ามนุษย์เดินดินหรือเทพเดินอากาศต่างก็ยังไม่หมดซึ่งกิเลส บรรดาเทพีทั้งสามต่างติดสินบนปารีสเพื่อตัดสินให้ตนเป็นผู้ชนะ เทพเฮราสัญญาว่าจะให้ปารีสเป็นยอดขุนศึกมีชัยเหนือกองทัพกรีก เทพีอเธน่าสัญญาว่า จะช่วยให้ปารีสได้ครอบครองดินแดนทั้งเอเชียและยุโรป (ในสมัยนั้นก็คือเกือบครึ่งโลก) ทางฝ่ายเทพีอโฟรไดต์ อ้างว่าตนเป็นเพียงเทพแห่งความรัก ไม่มีอำนาจจะบันดาลความยิ่งใหญ่ใดๆ ให้ได้ หากแต่ถ้าปารีสตัดสินให้นางเป็นผู้ชนะแล้วไซร้ นางสัญญาว่าจะให้ปารีสได้ครอบครองสตรีผู้เลอโฉมที่สุดแห่งยุค แน่นอนว่าปารีสหน้าหม้อติดสินให้เทพีอโฟรไดต์เป็นผู้ชนะ
นี่เองจึงเป็นที่มาของการเข้าข้างของฝ่ายทวยเทพในการสงครามแห่งกรุงทรอย โดยเทพีอโฟรไดต์พร้อมด้วยสวามี เทพมาร์ส (Mars) ถือหางข้างทรอย ส่วนเทพีผู้พ่ายแพ้ทั้งสองก็หันมาช่วยฝ่ายกรีก สงครามเริ่มบานปลายจากการเข้ามายุ่งเกี่ยวของทวยเทพ จนที่สุดมหาเทพเซอุสจึงมีประกาศิตห้ามเหล่าเทพยื่นมือเข้าไปยุ่งกับสงคราม ของพวกมนุษย์ และผลของสงครามลงเอยเช่นไรคงจะทราบกันดี
The Judgment of Paris เป็นผลงานของ ปีเตอร์ พอล รูเบนส์ (Peter Paul Rubens ๑๕๗๗-๑๖๔๐) จิตรกรเอกแห่งยุคบาโรค (Baroque ช่วงต้นศตวรรษที่ ๑๗) ชาวเฟลมิช (ชนชาติฮอลแลนด์-เบลเยี่ยม โดยในสมัยนั้นทั้งสองชาตินี้ยังรวมเป็นประเทศเดียวกัน) เขียนขึ้นราว ค.ศ. ๑๖๓๖ ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่หอศิลป์แห่งชาติ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ รูเบนส์ใช้ชีวิตช่วงหนึ่งในเวนิช อิตาลี เขาพัฒนารูปแบบการเขียนภาพจากสมัยเรอเนวซองส์มาเป็นแนวเฉพาะของตนเอง ที่เห็นได้ชัดคือฝีแปรงที่เน้นเส้นสายฉวัดเฉวียน พริ้วไหว โค้งมน ราวกับภาพกำลังเคลื่อนไหว ผลงานชิ้นเด่นๆ ของรูเบนส์ นอกจาก The Judgment of Paris แล้ว ก็มี Massacre of the Innocents, Fall of Phaeton, The Crucifixion of Christ According เป็นต้น
ติดตามผลงานของรูเบนส์ได้จาก