ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๑ ดร.คาอิม ไวช์มันน์ นักเคมีชาวยิวสมาชิกกลุ่มไซออนนิสต์ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิด และได้เปลี่ยนสัญชาติจากลัตเวียมาเป็นอังกฤษ ในปี ค.ศ. ๑๙๑๐ ได้ทำการคิดค้นดินระเบิดประสิทธิภาพสูงซึ่งสามารถผลิตเองได้โดยใช้วัตถุดิบ ที่หาได้ง่าย เนื่องจากก่อนหน้านั้นกองทัพอังกฤษใช้ดินระเบิดคอร์ไดท์ ซึ่งอังกฤษผลิตเองได้แต่จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบสำคัญคือ อาซีโทน (Acetone) โดยอาซีโทนนี้จำเป็นต้องสั่งเข้าจากเยอรมันซึ่งเป็นคู่สงคราม เมื่อไม่มีวัตถุดิบ อังกฤษจึงประสบปัญหาใหญ่ในการทำสงคราม จนกระทั่งได้ ดร.คาอิม มาช่วย อังกฤษจึงยังคงสามารถเข้าร่วมรบในสงครามโลกต่อไปได้
จากการช่วยเหลือของ ดร.คาอิม (ต่อมาได้ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ กระทรวงทหารเรือของอังกฤษ ในช่วงปี ๑๙๑๖-๑๙๑๙) ทำให้อังกฤษซึ่งมีอิทธิพลเหนือดินแดนตะวันออกกลางในช่วงนั้น ตอบแทนโดยการมอบดินแดนปาเลสไตน์ให้เป็นที่พักพิงถาวรของชาวยิว โดย ลอร์ด อาร์เธอร์ เจมส์ บาลฟอร์ (Lord. Arthur James Balfour) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอังกฤษในขณะนั้น เป็นผู้ลงนามใน “สนธิสัญญาบาลฟอร์”
Lord. Arthur James Balfour
Sir. Henry McMahon
ขณะเดียวกันก็เกิดสนธิสัญญาขึ้นซ้อนอีกหนึ่งฉบับที่ลงนามโดย เซอร์เฮนรี่ แม็กมาฮอน (Sir. Henry McMahon) ข้าหลวงใหญ่ของอังกฤษในอียิปต์ ซึ่งไปตกลงกับชาวอาหรับว่า หากชาวอาหรับช่วยอังกฤษทำสงครามกับเยอรมันแล้ว อังกฤษจะยกดินแดนบางส่วน รวมถึงปาเลสไตน์คืนให้แก่ชาวอาหรับ แต่เมื่อสิ้นสงคราม อังกฤษก็ยังคงยึดครองปาเลสไตน์โดยมิได้มอบให้แก่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เนื่องด้วยฝ่ายยิวและอาหรับต่างก็อ้างสนธิสัญญาที่ตนเองถือเป็นข้ออ้างในการครอบครองดินแดน
ปี ค.ศ. ๑๙๒๓ องค์การสันนิบาตชาติ มอบหมายให้อังกฤษเป็นผู้ดำเนินการส่งมอบดินแดนปาเลสไตน์ให้แก่ชาวยิว แต่อังกฤษก็ยังคงครอบครองดินแดนไว้เพื่อใช้ต่อรองกับกลุ่มชาติอาหรับ ในการทำสงครามโลกครั้งที่ ๒ ซึ่งแน่นอนว่าภายหลังสงคราม ดินแดนเจ้าปัญหานี้ก็ยังไม่ได้ถูกส่งมอบให้แก่ฝ่ายไหนอยู่ดี อีกทั้งปัญหาการอพยพเข้ามาของชาวยิวจำนวนมากก็ยังเพิ่มทวีความวุ่นวายเข้าไปทุกขณะ โดยมีกลุ่มชาติอาหรับแสดงท่าทีไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
ปี ค.ศ. ๑๙๔๗ สมัชชาสหประชาชาติลงมติแบ่งดินแดนปาเลสไตน์ให้กับชาวยิว โดยแบ่งเอาดินแดนบางส่วนของซีเรียและอียิปต์ไปด้วย โดยมติดังกล่าวไม่ได้ขอความเห็นชอบจากชาวปาเลสไตน์เลยแม้แต่น้อย
David BenGurion ผู้นำรัฐอิสราเอลคนแรก
การแบ่งดินแดนในครั้งนั้นทำให้ปาเลสไตน์ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นที่อาศัยของชาวยิว และอีกส่วนหนึ่งเป็นที่อาศัยของชาวอาหรับ
ปี ค.ศ. ๑๙๔๘ มีการจัดตั้งรัฐยิวขึ้นอย่างเป็นทางการบนแผ่นดินปาเลสไตน์ โดยมี ดาวิด เบนกูเรียน (David Bengurion) เป็นผู้นำคนแรก โดยตั้งชื่อว่า รัฐอิสราเอล ส่งผลให้ชาวยิวที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้กลายเป็นชาวอิสราเอลไปโดยปริยาย ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้ชนชาติอาหรับ จนกลุ่มชาติอาหรับจัดตั้งกองกำลังบุกเข้าอิสราเอล หวังที่จะกลาดล้างชาวยิวให้สิ้นซาก
สงครามที่กินเวลายานาน ๘ เดือน ลงเอยด้วยความพ่ายแพ้อย่างหมดรูปของชาติอาหรับ แต่ก็ก่อให้เกิดการรบพุ่งกันต่อเนื่องมาอีกหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะ “สงคราม ๖ วัน” ในปี ค.ศ. ๑๙๖๗ ประธานาธิบดี นัสเซอร์ แห่งอียิปต์ ส่งกองกำลังทหารกว่า ๗ แสนนาย จากความร่วมมือของ ๗ ชาติอาหรับ เข้าถล่มอิสราเอลที่มีกองกำลังเพียง ๒ แสนนายเท่านั้น เหตุการณ์กลับตาลปัตรกลายเป็นว่ายิวเป็นฝ่ายมีชัยในสงคราม อีกทั้งยังยึดดินแดนของฝ่ายชาติอาหรับมาเป็นของตน ไม่ว่าจะเป็นเขตกาซ่าตะวันออก แหลมซีนายของอียิปต์ ชายฝั่งตะวันตกบางส่วนของแม่น้ำจอร์แดน (เขตเวสต์แบงก์) ที่ราบสูงโกรันของซีเรีย นครเยรูซาเล็มฝั่งตะวันออก ซึ่งดินแดนที่ว่านี้ก็ยังถูกอิสราเอลครอบครองมาจนถึงปัจจุบัน นอกเหนือจากชัยชนะครั้งนี้แล้ว อิสราเอลยังฉวยโอกาสนี้ทำการขับไล่ชาวอาหรับออกจากจากดินแดนของตนเป็นจำนวนมาก
เครื่องบินรบของอียิปต์ทิ้งระเบิดใส่กองทัพอิสราเอลบริเวณใกล้กับคลองซุเอส
ในสงคราม ๖ วัน เมื่อปี ๑๙๖๗
นาย Arafat ผู้นำกลุ่มองค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์
จากความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ ทำให้กลุ่มชาติอาหรับลดความนับถือต่อประธานาธิบดี นัสเซอร์ เป็นอย่างมาก และยังทำให้ “องค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์”(PLO : Palestine Liberation Organization) ที่เขาก่อตั้งขึ้น ต้องเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งใหญ่ มีการเลือกประธานคนใหม่ที่มาพร้อมกับนโยบายที่แข็งกร้าวขึ้น นั่นคือ นายยัสเซอร์ อาราฟัต (Yasser Arafat) … (โปรดติดตามตอนต่อไป)
พี่ได่
เมื่อไหร่จะเขียนต่ออออออออออออออออออออออออออออ
รออ่าน
กำลังมันส์
5555+ รีบไปหน่อย
พี่ไก่ ไม่ใช่ พี่ได่
กำลังสนุกเลยค่ะ ชอบมากเลยเรื่องอิสราเอล ปาเลสไตน์เนี่ย เพราะกำลังอ่าน fiction ภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับอิสราเอล แล้วไม่ค่อยเข้าใจ พอมาอ่านที่นี่แล้ว ค่อยรู้เรื่องขึ้นมา และคิดว่าน่าสนใจมากค่ะ แล้วเรื่องต่อจากนี้เป็นยังไงคะ รออ่านอยู่ค่ะ
อยากจะเขียนต่ออยู่หรอกครับ แต่มันยังรบกันไม่เลิก เลยไม่รู้จะจบยังไงดีน่ะสิ … เฮ้อ
ทามมายอิสราเอลต้องทามร้ายปาเลสไตน์ด้วยล่ะค่ะพี่ไก่
สวัสดีค่ะ คือว่าปุ๊กกำลังรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ถ้าจะขอพี่เอาเนื้อหาบางส่วนได้มั้ยคะเพราะว่าเนื้อหาของพี่ดีและครบถ้วนกระบวนการ อรรถรสในการเขียนดีมากเลยค่ะ แต่ว่าอ้างอิงเป็นชื่อพี่ด้วยนะ ยังไงช่วยตอบกลับเมล์นี้ด้วยนะ
ขอบคุณมากค่ะ
มันจะหยุดเมื่อถึงวันสิ้นโลก
และฝ่ายที่ได้รับความสำเร็จจะไม่ใช่เหมือนในปัจจุบัน
จะไม่มีวันสิ้นโลกจ นกว่ามุสลิมจะรบชนะยิว
และยิว คือ ศัตรูตลอดกาลของมุสลิม
ตอน 3 ละ
เมื่อไรจะเขียนต่ออ่า
เขียนจบไป ๖ ตอนแล้วครับ ลองไล่ดูเอาเถิด
อังกฤษ..ไม่น่าเลย ทำสัญญาสองฉบับ ทำให้วุ่นวายกันไปหมด
แต่ก็พอเข้าใจนะ สมัยโน้นเทคโนโลยีการสื่อสารยังไม่ดี ใครทำอะไรตรงไหนมันก็ไม่รู้เรื่องกัน ถึงได้เป็นแบบนี้…
พระเจ้าทำสงครามแทนอิสราเอล…